UltraTech ประกาศผลประกอบการทางการเงินสำหรับไตรมาสสิ้นสุด 30 กันยายน 2019

14 ตุลาคม, 2562

(หน่วยเป็นสิบล้านรูปี)
  รวมกิจการ เฉพาะกิจการ  
  ไตรมาส 2 ปีงบฯ 2020 ไตรมาส 2 ปีงบฯ 2019 ไตรมาส 2 ปีงบฯ 2020 ไตรมาส 2 ปีงบฯ 2019 ไตรมาส 2 ปีงบฯ 2020
      UTCL Century
(ครองสิทธิ์)
รวมทั้งสิ้น UTCL Century
(ครองสิทธิ์)
รวมทั้งสิ้น ทั่วอินเดีย
ยอดขายสุทธิ 9,491 9,088 8,383 746 9,129 7,732 977 8,710 9,098
กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและภาษี (PBIDT) 2,072 1,564 1,984 10 1,995 1,427 117 1,544 2,059
กำไรหลังภาษี (PAT) 579 356 739 (100) 639 391 (20) 371 612

UltraTech Cement Limited ประกาศผลประกอบการทางการเงินที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบสำหรับไตรมาสสิ้นสุด 30 กันยายน 2019 ในวันนี้

หลักการในการแยกกิจการ: การเข้าซื้อธุรกิจซีเมนต์ของ Century

UltraTech เข้าซื้อส่วนกิจการซีเมนต์ของ Century เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยหลักการในการแยกกิจการมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2019 เป็นต้นมา ซึ่งการเข้าซื้อกิจการนี้ทำให้ความสามารถในการผลิตซีเมนต์ของ UltraTech อยู่ที่ 117.4 mtpa โดยรวมกำลังการผลิตในต่างประเทศด้วย จึงทำให้ UltraTech ขึ้นสู่สถานะการเป็นบริษัทซีเมนต์รายใหญ่เป็นอันดับ 3ของโลกที่อยู่นอกอาณาเขตประเทศจีน อีกยังเป็นบริษัทเพียงแห่งเดียวในโลกที่มีกำลังการผลิตเกินกว่า 100 ล้านตันภายในประเทศเดียว ที่อยู่นอกอาณาเขตประเทศจีน

UltraTech ทำการจัดสรรหุ้นทุนจำนวน 13,961,960 หุ้นในราคา 10 รูปีต่อหุ้นให้กับผู้ถือหุ้น Century เมื่อวันที่ 14ตุลาคม 2019 ซึ่งเป็นวันที่บันทึกที่กำหนดโดย Century ตามหลักการ

The National Company Law Tribunal, Mumbai Bench ให้การอนุมัติต่อหลักการแล้ว โดยกำหนดวันไว้เป็นวันที่ 20 พฤษภาคม 2018 ซึ่งส่งผลให้มีการแถลงถึงการเงินของบริษัทใหม่โดยนับจากวันนั้น เพื่อนำผลทางการเงินจากธุรกิจซีเมนต์ของ Century ที่ซื้อกิจการมารวมไว้ด้วย

ไตรมาสที่ผ่านมาประสบภาวะความกดดันจากความต้องการซีเมนต์ เนื่องจากมีฤดูมรสุมที่ยาวนานและเกิดปัญหาน้ำท่วมหนักในแทบทุกพื้นที่ของประเทศ ซึ่งสถานการณ์ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นในภาคตะวันออกและภาคกลางของอินเดียอันเป็นที่ตั้งของโรงงานต่าง ๆ ของ Century อีกโรงงานเหล่านี้ยังอยู่ในแผนการปิดโรงงานประจำปีในช่วงไตรมาสนี้ด้วย ซึ่งปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนส่งผลต่อผลประกอบการของโรงงานซีเมนต์ทั้งหลายของ Century ที่เข้าซื้อกิจการ หากแต่รากฐานของ Ultratech ที่ปูไว้ทั่วประเทศอินเดียส่งผลดีต่อสถานการณ์ความต้องการในตลาดในตอนเหนือของอินเดีย ทำให้มีประสบการณ์อย่างกว้างขวางในการผสานกำลังที่มีอยู่เดิมเข้ากับหน่วยการผลิตที่เข้าซื้อกิจการเพื่อสร้างมาตรฐานในการดำเนินการ โดยบริษัทมุ่งหมายที่จะทำเช่นเดียวกันนี้กับโรงงานซีเมนต์ที่ซื้อกิจการมาเหล่านี้

การเงิน

ยอดขายสุทธิแบบรวมกิจการอยู่ที่ 94,910 ล้านรูปี เทียบกับ 90,880 ล้านรูปีในช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณ 2019 กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและภาษีอยู่ที่ 20,720 ล้านรูปี เทียบกับ 15,640 ล้านรูปีในช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรหลังภาษีอยู่ที่ 5,790 ล้านรูปี เทียบกับ 3,560 ล้านรูปี

การบำรุงรักษาโรงงานประจำปีมีการดำเนินการในระหว่างไตรมาส ส่งผลให้เกิดต้นทุนผันแปรเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ในทางกลับกัน ต้นทุนด้านพลังงานลดลงไปที่ร้อยละ 9 โดยมีสาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นของการแบ่งปันการบริโภคพลังงานสีเขียวจากร้อยละ 8.4 ในไตรมาสที่ 2 ปีงบฯ 2019 เป็นร้อยละ 10.5 ในระหว่างไตรมาส ซึ่งทำให้มีการบริโภคพลังงานที่ลดลงและได้รับพลังงานที่ยั่งยืน

การพัฒนาองค์กร

UltraTech Nathdwara Cement Limited

ด้วยการบูรณะโรงงานครั้งใหญ่และการอัปเกรดคุณภาพที่ดำเนินการแล้วเสร็จ UltraTech Nathdwara Cement Limited จึงผสานกำลังเข้ากับระบบและกระกระบวนการของ UltraTech แล้วโดยปริยาย ซึ่งโรงงานสามารถบรรลุถึงประสิทธิภาพสูงสุดแล้ว ในระหว่างช่วงปิดปรับปรุงเพื่อทำการซ่อมบำรุงครั้งใหญ่โดยบริษัทนี้ ส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นและการใช้กำลังการผลิตลดลง อย่างไรก็ตาม บริษัทบันทึกผลประกอบการที่แข็งแกร่งในตลาดตอนเหนือของประเทศ โดยถึงจุดคุ้มทุน PAT ถึงแม้ว่ามีภาระจากดอกเบี้ยที่สูงขึ้นก็ตาม

การเข้าซื้อกิจการในปีงบฯ 2018

กำลังการผลิตซีเมนต์ที่ 21.2 mtpa ที่ซื้อกิจการมาจาก Jaiprakash Associates ในเดือนมิถุนายน 2017 มีการดำเนินการควบคู่ไปกับโรงงานของบริษัทต่าง ๆ ที่มีอยู่เดิม และบรรลุเป้าหมายจุดคุ้มทุน PBT ในระหว่างช่วงไตรมาสที่แล้ว โรงบด Bara Grinding มีกำหนดการเริ่มดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2020

รายจ่ายฝ่ายทุน

ในการประชุมคณะกรรมการบริหารในวันนี้ มีการอนุมัติรายจ่ายฝ่ายทุนที่ 9,400 ล้านรูปี เพื่อทำการผลิตผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับพรีเมียมด้วยความสามารถในการบดที่เพิ่มขึ้น 0.6 mtpa ในแต่ละแห่งในรัฐพิหารและเบงกอลตะวันตก และโรงบดแห่งใหม่ที่มีกำลังการผลิต 2.2 ล้านตันในรัฐโอริศา ซึ่งทั้งนี้จะเป็นการสร้างสถานะที่แข็งแกร่งให้กับบริษัทในตลาดภาคตะวันออกของประเทศ โดยโรงงานทุกแห่งจะเริ่มดำเนินงานในเดือนมกราคม-มีนาคม ปี 2021

แนวโน้ม

ด้วยพื้นฐานความต้องการที่ดีที่เห็นได้ในตอนเหนือของอินเดียในไตรมาสที่ 2 ที่พื้นที่ส่วนใหญ่ในภาคเหนือนั้นไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะฝนตกหนักและน้ำท่วม จึงมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างบรรทัดฐานความต้องการซีเมนต์ต่อไป อีกคำมั่นอย่างแข็งขันของภาครัฐที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจและการผลักดันการใช้จ่ายสำหรับโครงสร้างพื้นฐานยังเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับการเติบโตของความต้องการซีเมนต์ ฝนที่ตกหนักในประเทศยังประโยชน์ให้กับผลผลิตข้าวในอินเดียที่ปลูกในฤดูมรสุม (Kharif Crop) ซึ่งจะสามารถช่วยฟื้นฟูความต้องการในชนบทได้อีกด้วย และด้วยบริษัทลงหลักปักฐานอยู่ทั่วทุกภูมิภาคในประเทศ จึงอยู่ในสถานะที่เหมาะสมที่สุดที่จะได้ประโยชน์จากความต้องการซีเมนต์ที่ฟื้นคืนกลับมา ถึงแม้ต้องเผชิญภาวะผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นจากรูปแบบความต้องการที่แปรเปลี่ยนไปในบางพื้นที่ของประเทศ อันเนื่องมาสาเหตุภายนอกก็ตาม