07 พฤษภาคม, 2564
Shareรวมกิจการ | เฉพาะกิจการ | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ไตรมาส 4 ปีงบฯ 2021 | ไตรมาส 4 ปีงบฯ 2020 | ปีงบฯ 2021 | ปีงบฯ 2020 | ไตรมาส 4 ปีงบฯ 2021 | ไตรมาส 4 ปีงบฯ 2020 | ปีงบฯ 2021 | ปีงบฯ 2020 | |
ยอดขายสุทธิ | 14,232 | 10,689 | 44,239 | 41,781 | 13,784 | 10,237 | 42,677 | 40,033 |
กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและภาษี (PBIDT) | 3,751 | 2,645 | 12,302 | 9,898 | 3,597 | 2,486 | 11,754 | 9,379 |
PAT ปรับมาตรฐาน | 1,775 | 1,129* | 5,463 | 3,644* | 1,778 | 1,101* | 5,342 | 3,650* |
*หมายเหตุ: การรับแบบครั้งเดียวจากการพลิกกลับของภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีจำนวน 21,120 ล้านรูปีในผลประกอบการแบบรวมกิจการ และ 18,050 ล้านรูปีในผลประกอบการแบบกิจการเดียวสำหรับปีงบประมาณ 2020 ถูกตัดออกไปเพื่อให้กลายเป็น PAT มาตรฐานควบคุมสำหรับปีงบประมาณ 2020 เพื่อให้การเปรียบเทียบกับปีงบประมาณ 2021 เป็นไปอย่างถูกต้อง
UltraTech Cement Limited ประกาศผลประกอบการทางการเงินสำหรับไตรมาสและรายปี สิ้นสุด 31 มีนาคม 2021 ในวันนี้
การฟื้นตัวของ UltraTech จากโควิด 19 ที่ทำให้เศรษฐกิจต้องหยุดชะงักในระหว่างปีงบประมาณ 2021 เป็นไปอย่างรวดเร็ว
’โปรแกรมควบควมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน’, การจัดการต้นทุนในการทำงานที่รอบคอบ และการควบคุมกระแสเงินสดคือการขับเคลื่อนหลัก โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวที่รวดเร็วของอุปสงค์และอุปทานที่กลับสู่สภาพปกติ ทั้งหมดเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อผลประกอบการที่อยู่ในระดับสูงสุดของบริษัท ถึงแม้เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากก็ตาม โดยบริษัทบรรลุเป้าหมายการใช้กำลังการผลิตที่ 93% ในระหว่างไตรมาส
ด้วยเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่มุ่งมั่นเพื่อสังคม UltraTech ใช้เงินทุนจำนวน 1,200 ล้านรูปีในโครงการริเริ่มต่าง ๆ ที่ดำเนินการในระหว่างปีเพื่อช่วยประเทศในการต่อสู้กับการแพร่ระบาด บริษัทมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกต่อความปลอดภัยและการดำรงชีวิตที่ดีของพนักงานและหุ้นส่วนธุรกิจทั้งหลาย นอกจากนี้ยังจัดโปรแกรมการฉีดวัคซีนให้กับพนักงาน 1,00,000 คนรวมไปถึงผู้ที่อยู่ในการปกครองของพนักงานด้วย
ไตรมาส 4 ปีงบฯ 2020-2021
ยอดขายสุทธิแบบรวมกิจการอยู่ที่ 142,320 ล้านรูปี เทียบกับ 106,890 ล้านรูปีในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและภาษีอยู่ที่ 37,510 ล้านรูปี เทียบกับ 26,450 ล้านรูปีในช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรหลังภาษีอยู่ที่ 17,750 ล้านรูปี เทียบกับ 11,290 ล้านรูปีในช่วงเดียวกันของปีก่อน
ปีงบฯ 2021
ตลอดทั้งปี ยอดขายสุทธิแบบรวมกิจการอยู่ที่ 442,390 ล้านรูปี เทียบกับ 417,810 ล้านรูปีในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและภาษีอยู่ที่ 123,020 ล้านรูปี เทียบกับ 98,980 ล้านรูปีในช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรหลังภาษีอยู่ที่ 54,630 ล้านรูปี เทียบกับ 36,440 ล้านรูปีในช่วงเดียวกันของปีก่อน
การประชุมคณะกรรมการบริหารในวันนี้ได้แนะนำเงินปันผล 370% ที่อัตรา 37 รูปี/หุ้น ต่อมูลค่าที่ตราไว้ที่ 10 รูปี/หุ้น ซึ่งรวมเป็นมูลค่า 10,680.2 ล้านรูปี ตามข้อกำหนดในพระราชบัญญัติด้านการเงิน 2020 เงินปันผลจะได้รับการหักภาษีจากผู้ถือหุ้นในอัตราที่มีผลบังคับใช้และบริษัทจะหักภาษี ณ ที่จ่ายที่ต้นทางตามความเหมาะสม
ด้วยการบริหารจัดการที่รอบคอบและการจัดการด้านการเงินที่ช่ำชอง UltraTech จึงสามารถลดอัตราหนี้สินสุทธิ/ EBITDA ได้เป็นผลสำเร็จเป็น 0.55x จาก 1.72x เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2020 ซึ่งสอดคล้องไปกับความพยายามในการรักษาโครงสร้างเงินทุนให้เป็นไปอย่างเหมาะสมที่สุด
การชำระเงินกู้มีการดำเนินการผ่านการใช้กระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow) ที่บริษัทสร้างขึ้นได้ในระหว่างปี ถึงแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ท้าทายและท่ามกลางการหยุดชะงักของธุรกิจที่เลวร้ายในระหว่างไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ 2021 ก็ตาม
UltraTech ประสบความสำเร็จในการระดมเงินทุนที่ 400 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งสอดคล้องกับประมาณ 2,900 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ด้วยวิธีการออกตราสารเงินตราดอลล่าร์สหรัฐฯแบบไม่มีเงื่อนไข, แบบด้อยสิทธิ, ไม่มีหลักประกัน (ในรูปแบบ “ตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืน”) ครบกำหนด 16 กุมภาพันธ์ 2031 ที่ 2.80% ต่อปี โดยชำระแบบสองครั้งต่อปีในวันที่ 16 สิงหาคม และ 16 กุมภาพันธ์ของแต่ละปี เริ่มตั้งแต่ 16 สิงหาคม 2021 เป็นต้นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยตราสารหนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนอยู่ใน Singapore Exchange Securities Trading Limited
ซึ่ง UltraTech เป็นบริษัทแรกในอินเดียและบริษัทที่สองในเอเชียที่มีการออกตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืน
ก่อนหน้านี้คณะกรรมการได้ให้การอนุมัติแผนในการขยายกำลังการผลิตที่ 19.5 ตันผ่านการขยายหน่วยการผลิตแบบผสมผสานระหว่างหน่วยการผลิตเดิมและแห่งใหม่ ซึ่งครอบคลุมโรงงานซีเมนต์แบบบูรณาการ 5 แห่งและโรงบด 12 แห่ง กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นมานี้ถูกสร้างขึ้นที่ตลาดที่เติบโตเร็วในฝั่งตะวันออก, ภาคกลาง และภาคเหนือของประเทศ มีการออกคำสั่งซื้ออุปกรณ์ส่วนใหญ่แล้ว และเริ่มดำเนินการงานโยธาแล้วในตำแหน่งที่ตั้งเหล่านี้ การผลิตเชิงพาณิชย์จากกำลังการผลิตเหล่านี้คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการโดยมีการแบ่งเฟสในระหว่างปีงบประมาณ 2022 และปีงบประมาณ 2023
เมื่อทำการขยายรอบสุดท้ายแล้วเสร็จ กำลังการผลิตของบริษัทจะเติบโตขึ้นเป็น 136.25 MTPA ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทอยู่ในสถานะบริษัทซีเมนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลกที่อยู่นอกอาณาเขตประเทศจีน
สอดคล้องไปกับความพยายามที่เป็นไปอย่างต่อเนื่องเพื่อมุ่งสู่มาตรการด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพิ่มเติม บริษัทได้เริ่มต้นกับกำลังการผลิต WHRS ที่ 7 MW ในระหว่างปี ด้วยการนี้ กำลังการผลิต WHRS โดยรวมของบริษัทจึงเพิ่มเป็น 125 MW ซึ่งครอบคลุมเกือบ 10% ของพลังงานที่ต้องการในปัจจุบัน โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 302 MW ภายในสิ้นปีงบประมาณ 2023 หลังจากเสร็จสิ้นการขยายต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ
The Science Based Targets Initiative (SBTi) ได้ให้การรับรองต่อเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ของบริษัท ในเดือนกรกฎาคม 2020 ได้ให้คำมั่นต่อการตั้ง ‘เป้าหมายตามหลักวิทยาศาสตร์’ ในการลดการปล่อยก๊าสเรือนกระจก (GHG) นอกจากนี้ UltraTech ยังให้คำมั่นต่อการลดความหนาแน่น Scope 1 GHG ให้ได้ 27% ภายในปี 2032 จากปีฐาน 2017 และความหนาแน่น Scope 2 GHG ให้ได้ 69% ภายในกรอบเวลาเดียวกัน Science-Based Target initiative (SBTi) ให้การรับรองต่อเป้าหมายการลด GHG ของ UltraTech ซึ่งครอบคลุมเป้าหมายการลดระดับความหนาแน่นของคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในซีเมนต์เป็น CO2 462 กก.สุทธิต่อตันของวัสดุที่เป็นซิเมนต์ (net CO2/t.cem.) ภายในปี 2032 อิงตาม SBTi เป้าหมายของ UltraTech เป็นที่ยอมรับได้และสอดคล้องไปกับความพยายามรอบโลกในการจำกัดอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นให้ต่ำกว่าเกณฑ์ ‘2 °C’ โดยสอดคล้องไปกับข้อตกลงปารีส
ทุนและทรัพยากรทางการเงินของ UltraTech ยังคงได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่และมีสภาพคล่องที่ครอบคลุมอย่างเพียงพอ และที่สำคัญที่สุด บริษัทยังคงให้การยึดมั่นต่อเพื่อนร่วมธุรกิจทั้งหมดด้วย
ในขณะที่การเคหะในชนบทและกึ่งชนบทเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ การที่รัฐบาลเลือกให้การส่งเสริมต่อโครงสร้างพื้นฐานก็ยังช่วยผลักดันให้เกิดความต้องการในซีเมนต์ด้วย ความต้องการในเมืองที่ถูกจำกัดไว้ก็คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน
บริษัททำการเฝ้าสังเกตอย่างใกล้ชิดถึงผลกระทบจากการระบาดระลอกสองต่อการดำเนินงานของบริษัท ด้วยให้การมุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการควบคุมค่าใช้จ่าย UltraTech จึงมีการเตรียมการได้ดีขึ้นสำหรับผลลัพธ์จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
UltraTech Cement Limited คือบริษัทแนวหน้าด้านซีเมนต์ของกลุ่มบริษัท Aditya Birla Group มหาอำนาจด้านการก่อสร้างมูลค่า 5.9 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ UltraTech เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดสำหรับปูนซีเมนต์เทา, คอนกรีตผสมสร็จ (RMC) และปูนซีเมนต์ขาวในอินเดีย ด้วยความสามารถในการผลิตปูนซีเมนต์เทาที่รวมกันได้ถึง 116.75 MTPA บริษัทจึงเป็นผู้ผลิตซีเมนต์รายใหญ่เป็นอันดับสามของโลกโดยไม่รวมประเทศจีน และเป็นแห่งเดียวในโลก (นอกอาณาเขตประเทศจีน) ที่สามารถผลิตซีเมนต์ได้เกิน 100 MTPA จากในประเทศเดียว การดำเนินงานของบริษัทมีการขยายไปยัง UAE, บาห์เรน, ศรีลังกา และอินเดีย
UltraTech เป็นสมาชิกผู้ก่อตั้ง Global Cement and Concrete Association (GCCA) โดยเป็นผู้ลงนามในสัญญา GCCA Climate Ambition 2050 ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้กับภาคส่วนในการทำให้การผลิตคอนกรีตนั้นไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศเพิ่มขึ้นให้ได้ภายในปี 2050 UltraTech มีการนำเครื่องมือยุคใหม่มาปรับใช้ เช่น Science Based Target Initiative (SBTi), Internal Carbon Price and Energy Productivity (#EP100) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการพยายามเร่งการปรับใช้เทคโนโลยีแบบคาร์บอนต่ำและกระบวนการต่าง ๆ ทั่วทั้งห่วงโซ่อุปทาน และจึงสามารถลดคาร์บอนได้ตลอดช่วงอายุของการใช้งาน UltraTech เป็นบริษัทแรกในอินเดียและบริษัทที่สองในเอเชียที่มีการออกตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืน ด้วยเป็นส่วนหนึ่งของงานด้าน CSR ทาง UltraTech จึงพยายามเข้าหาผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จำนวน 1.6 ล้านคนในหมู่บ้านกว่า 500 หมู่บ้านทั่วประเทศอินเดีย โดยครอบคลุมส่วนต่าง ๆ อย่างหลากหลาย ทั้งภาคการศึกษา การดูแลสุขอนามัย การดำรงชีพอย่างยั่งยืน โครงสร้างพื้นฐานสำหรับชุมชน และผลทางด้านการสมาคมในสังคมต่าง ๆ