ULTRATECH ผู้ประกอบการด้านซีเมนต์รายใหญ่อันดับที่ 4 ของโลก – ผลประกอบการรายไตรมาสสิ้นสุด ณ 30 มิถุนายน 2017 เป็นที่น่าประทับใจ _ นาย KUMAR MANGALAM BIRLA ประธานบริษัท ULTRATECH

18 กรกฎาคม, 2560

ในการประชุมประจำปีผู้ที่หุ้น UltraTech ครั้งที่ 17 นาย Kumar Mangalam Birla ประธานฯ ได้กล่าวว่า _“ด้วยเพราะเน้นถึงการเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนและประสิทธิผลในการดำเนินงาน ทำให้ Ultratech มีผลการดำเนินงานที่มั่นคง สำหรับปีงบฯ 17 ยอดขายสุทธิของ Ultratech อยู่ที่ 236,160 ล้านรูปี ซึ่งมากกว่าปีก่อนที่อยู่ที่ 234,400 ล้านรูปี กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ค่าเสื่อมราคาและภาษีของปีนี้อยู่ที่ 56,290 ล้านรูปี ซึ่งสูงกว่าปีก่อนร้อยละที่ 10 กำไรหลังภาษีของปีเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 11 จาก 23,700 ล้านรูปีในปีก่อนเป็น 26,280 ล้านรูปีในปีงบฯ 2017 ยอดขายสุทธิแบบรวมกิจการอยู่ที่ 250,920 ล้านรูปี จาก 248,800 ล้านรูปีในปีก่อน กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ค่าเสื่อมราคาและภาษี อยู่ที่ 58,610 ล้านรูปี สูงขึ้นร้อยละ 9 จาก 53,650 ล้านรูปี ส่วนกำไรหลังภาษีอยู่ที่ 27,150 ล้านรูปีสูงขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับ 24,780 ล้านรูปีในปีก่อน ”

ด้านการจัดหาโรงงาน JAL และ JCCL นั้น

นาย Birla ได้สรุปให้ผู้ถือหุ้นทราบว่า การจัดหาโรงงาน Jaiprakash Associates Limited (JAL) และ Jaypee Cement Corporation Limited (JCCL) ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ ซึ่งเป็นการขยายกิจการสู่ภูมิภาคต่างๆ ทั้งรัฐหิมาจัลประเทศ รัฐอุตตรประเทศ รัฐอุตตราขัณฑ์ รัฐมัธยประเทศ และรัฐอานธรประเทศ โดยมีกำลังการผลิต 21.2 ล้านตัน ผลที่ได้ก็คือ โรงงานซีเมนต์ JAL และ JCCL ที่จัดหามานี้ถ่ายโอนมายัง UltraTech ซึ่งได้ขยายขอบเขตทางภูมิศาสตร์ให้กับ UltraTech เปิดทางให้ UltraTech สามารถเข้าสู่ตลาดที่มีการเติบโตสูงในอินเดียที่ซึ่งมีปริมาณความต้องการมากกว่า การดำเนินการยังจะแข็งแกร่งขึ้นด้วยการอัปเกรดกระบวนการและเทคโนโลยี ซึ่งจะทำให้เกิดการขยายการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรม การสร้างการประสานการผลิต การกระจาย และโลจิสติกส์มีประโยชน์ในหลายๆ ด้าน นอกจากนี้ การลดต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วยและการลดระยะเวลาในการรอคอยสินค้าก็จะบรรลุผลสำเร็จด้วย

เงินลงทุนสำหรับการรวมกิจการซีเมนต์ในรัฐมัธยประเทศ อยู่ที่ 26,000 ล้านรูปี

นาย Birla กล่าวว่า UltraTech จะทำการรวมกิจการโรงงานซีเมนต์ที่ Dhar ในรัฐมัธยประเทศ ที่จะมีกำลังการผลิต 3.5 MTPA และใช้เงินลงทุน 26,000 ล้านรูปี การผลิตเพื่อการพาณิชย์คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาสที่ 4 ปีงบฯ 19 ซึ่งจะป้อนผลผลิตสู่ตลาดในเขตตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐมัธยประเทศ อันเป็นการขยายกิจการของ UltraTech ในบริเวณอินเดียตอนกลางต่อไป UltraTech ยังมีกิจการในส่วนธุรกิจการบดซีเมนต์อยู่ที่ Nagpur ในรัฐมหาราษฏระ และที่ Patliputra ในรัฐพิหาร การขยายธุรกิจใหม่และการจัดหาโรงงานใหม่ JAL และ JCCL นี้ จะเพิ่มกำลังการผลิตให้กับ UltraTech เป็น 96.5 MTPA เมื่อรวมกับการดำเนินการในต่างประเทศที่ UAE แผนรายจ่ายด้วยกระแสเงินสดที่ต้องจ่ายออกในปีงบฯ 18 อยู่ที่ราว 22,000 ล้านรูปี โดยรายจ่ายหลักคือ เพื่อใช้ในโครงการขจัดปัญหาคอขวดเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อปฏิบัติตามกฏข้อบังคับ เพื่อปัจจัยโครงสร้างพื้นฐานของโรงงาน และการบำรุงรักษาตามกิจวัตร นาย Birla กล่าว

เงินปันผล

มีการเสนอเงินปันผลที่อัตรา 10 รูปีต่อหุ้น โดยมูลค่าตราสารอยู่ที่ 10 รูปีต่อหุ้น ซึ่งทั้งนี้ ทำให้ต้องจ่ายเงินสดออกไปราวๆ 3,300 ล้านรูปี โดยบริษัทจะรับผิดชอบต่อภาษีเงินได้นิติบุคคลที่เกี่ยวกับเงินปันผลเป็นจำนวน 560 ล้านรูปี

ผลประกอบการไตรมาสแรกเป็นที่น่าประทับใจ

นาย Birla ยังได้กล่าวสรุปให้กับผู้ถือหุ้นถึงผลประกอบการไตรมาสแรกของ UltraTech ที่สิ้นสุด ณ 30 มิถุนายน 2017 UltraTech บรรลุยอดขายสุทธิที่ 65,330 ล้านรูปี โดยเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 61,790 ล้านรูปี กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ค่าเสื่อมราคาและภาษีอยู่ที่ 17,250 ล้านรูปี โดยเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 15,730 ล้านรูปี ส่วนกำไรหลังภาษีอยู่ที่ 8,970 ล้านรูปี โดยเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนในช่วงเวลาเดียวกันอยู่ที่ 7,750 ล้านรูปี

เมื่อกล่าวถึงแนวโน้ม นาย Birla ยังมีมุมมองในเชิงบวก โดยกล่าวว่า “เนื่องจากภาครัฐได้เน้นให้ความสำคัญต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่อยู่อาศัยราคาประหยัด เมืองอัจฉริยะ และแคมเปญรณรงค์ Swachh Bharat Abhiyan และโครงการอื่นๆ ต่างๆ เหล่านี้ ทำให้คาดเดาได้ว่า ความต้องการซีเมนต์จะเพิ่มสูงขึ้นและปริมาณสินค้าล้นตลาดจะลดลง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อภาคธุรกิจ การขยายกิจการในประเทศทำให้ UltraTech มีความสามารถเชิงยุทธศาสตร์ที่จะให้การส่งเสริมและเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของรัฐบาลแห่งอินเดีย”

นอกจากนี้ นาย Birla ยังให้ความเห็นว่า UltraTech มีงบดุลที่แข็งแกร่ง กระแสเงินสดที่มั่นคง และระดับการขับเคลื่อนที่สมดุลภายใต้ขอบเขตที่จำกัดตามสมควร โดยบริษัทภูมิใจในความมั่นใจของผู้ถือหุ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากมูลค่าหุ้นตามตลาด ที่อยู่ที่ราวๆ 17 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ