การควบรวมกิจการ Vodafone India และ Idea เป็นการสร้างธุรกิจโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย

20 มีนาคม, 2560

กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และเมืองมุมไบ อินเดีย

ไฮไลท์สำคัญ

  • Vodafone จะทำการรวมบริษัทในเครือ Vodafone India (ไม่รวมกิจการใน Indus Towers ร้อยละ 42) เข้ากับ Idea ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Indian Stock Exchanges
  • การรวมกิจการที่เหมาะสมกันอย่างยิ่งนี้ จะเป็นการสร้างธุรกิจผู้ประกอบการโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุด1 โดยเป็นเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่กว้างใหญ่ที่สุดในประเทศ ที่สามารถเป็นฐานให้กับวิสัยทัศน์ของรัฐบาลทางด้านดิจิตัลได้
  • การลงทุนที่ได้รับการส่งเสริมจากการควบรวมกิจการนี้ จะช่วยเร่งการขยายบริการบรอดแบรนด์ไร้สายโดยการใช้เทคโนโลยี 4G/4G+/5G สู่ทั่วภูมิภาคอินเดีย ส่งเสริมด้านเนื้อหาดิจิตอล และบริการอินเทอร์เน็ตสำหรับทุกสิ่ง (Internet of Things’ (IoT)) เช่นเดียวกับขยายบริการด้านการเงินด้วยบริการการเงินผ่านมือถือเพื่อผลประโยชน์ของผู้บริโภคชาวอินเดีย ธุรกิจ และสังคมโดยรวม
  • การควบรวมกิจการที่เทียบเคียงกันได้ ระหว่าง Vodafone และกลุ่มบริษัท Aditya Birla Group นี้มีการควบรวมกันโดยใช้มติของผู้ถือหุ้นเป็นหลัก
  • อัตราส่วนการควบรวมกิจการนั้นสมดุลย์กัน โดยเป็นไปตามคำแนะนำร่วมกันจากผู้ประเมินราคาอิสระ ฝ่าย Vodafone India มีมูลค่า INR828 พันล้าน (US$12.4 พันล้าน) ส่วน Idea ที่ไม่รวมกิจการใน Indus Towers มีมูลค่า INR722 พันล้าน (US$10.8 พันล้าน) คิดมูลค่า Vodafone India ได้ 6.4 x EV/LTM EBITDA และ Idea ที่ไม่รวมกิจการใน Indus Towers คิดมูลค่าได้ 6.3 x EV/LTM EBITDA 2
  • ต้นทุนหลักและรายจ่ายฝ่ายทุนอยู่ที่ประมาณ INR670 พันล้าน (US$10.0 พันล้าน) ภายหลังรวมกับต้นทุนในการรวมกิจการและค่าใช้จ่ายในการเปิดเสรีคลื่นความถี่ ซึ่งจะทำให้ประหยัดต้นทุนดำเนินการได้ถึงปีละ INR140 พันล้าน (US$2.1 พันล้าน) หลังดำเนินการแล้วเสร็จในปีที่สี่ 3
  • Vodafone จะถือครองสัดส่วนกิจการที่ควบรวมแล้วนี้ร้อยละ 45.1 ภายหลังโอนสัดส่วนร้อยละ 4.9 ที่มีมูลค่าราว INR39 พันล้าน (ประมาณ US$579 ล้าน) ให้ Aditya Birla Group โดยชำระเป็นเงินสดเมื่อการควบรวมกิจการดำเนินการแล้วเสร็จ ส่วน Aditya Birla Group จะถือครองสัดส่วนกิจการที่ควบรวมแล้วนี้ร้อยละ 26.0 และมีสิทธิที่จะถือครองหุ้นจาก Vodafone เพิ่มมากขึ้นอีกได้ ณ เวลาใดก็ได้ ภายใต้ข้อตกลงด้านสัดส่วนการถือครองหุ้นเท่าเทียมกัน
  • หากสัดส่วนการถือหุ้นกิจการที่ควบรวมแล้วของ Vodafone และ Aditya Birla Group ยังไม่เท่ากันภายหลังจากนี้เป็นเวลาสี่ปี Vodafone ก็จะขายหุ้นกิจการที่ควบรวมแล้วนี้ให้กับ Aditya Birla Group ให้มีสัดส่วนเท่าเทียมกันภายในระยะเวลา ห้า-ปี ต่อไปหลังจากนี้
  • เมื่อได้สัดส่วนที่เท่าเทียมกันแล้ว สิทธิในการออกเสียงที่มาจากหุ้นที่เพิ่มขึ้นที่ถือครองโดย Vodafone จะถูกจำกัดและการออกเสียงจะกระทำได้ร่วมกันภายใต้ข้อกำหนดตามข้อตกลงของผู้ถือหุ้น
  • Vodafone India จะถูกแยกออกจาก Vodafone ภายหลังมีการประกาศและการรายงานถึงการควบรวมกิจการ ซึ่งทั้งนี้จะทำให้หนี้สินสุทธิของกลุ่ม Vodafone Group ลดลง INR552 พันล้าน (ประมาณ US$8.2 พันล้าน) ซึ่งเป็นการลดเลเวอเรจของ Vodafone Group ลงราว 0.3x หนี้สินสุทธิ/EBITDA 4 การดำเนินการนี้คาดว่าจะส่งผลดีต่อกระแสเงินสดของ Vodafone 5 ตั้งแต่สิ้นสุดระยะเวลาหนึ่งปีแรกภายหลังการดำเนินการแล้วเสร็จ
  • การดำเนินการนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงปี ค.ศ. 2018 โดยเป็นไปตามขั้นตอนการอนุมัติ

ประธานของ Aditya Birla Group นาย Kumar Mangalam Birla กล่าวว่า

“ตามประวัติที่ผ่านมา Aditya Birla Group ดำเนินธุรกิจคู่ขนานไปกับงานเพื่อการสร้างชาติ และขับเคลื่อนการเจริญเติบโตให้กับประเทศ การควบรวมที่สำคัญนี้จะทำให้ Aditya Birla Group สามารถสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิตัลคุณภาพสูง ที่จะปรับเปลี่ยนประชากรอินเดียให้เข้าสู่วิถีชีวิตในแบบดิจิตัล และทำให้วิสัยทัศน์ทางด้านดิจิตัลของรัฐบาลอินเดียเป็นไปได้จริง สำหรับผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้ของ Idea ที่ให้การสนับสนุนมาอย่างยาวนานนั้น ก็จะได้รับผลที่ดีอย่างยิ่งจากการนี้เช่นกัน และ Idea กับ Vodafone ก็จะร่วมกันสร้างบริษัทอันทรงคุณค่าซึ่งจะสร้างความแข็งแกร่งให้เราร่วมกัน”

ผู้บริหารระดับสูงของ Vodafone Group Plc นาย Vittorio Colao กล่าวว่า:

“การควบรวมกิจการ Vodafone India กับ Idea จะเป็นการสร้างผู้นำด้านดิจิตัลรายใหม่ของอินเดียที่มีรากฐานระยะยาวและมีวิสัยทัศน์ที่จะนำเครือข่าย 4G มาให้บริการสู่หมู่บ้าน ชนบท และเมืองต่างๆ ทั่วอินเดีย บริษัทที่ควบรวมกันนี้จะมีขนาดองค์กรที่เอื้อต่อทางเลือกในการบริโภคที่ยั่งยืนในตลาดที่มีการแข่งขันสูงนี้ และมีการขยายเทคโนโลยี อาทิ บริการด้านการเงินผ่านมือถือ ที่มีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตประจำวันของชาวอินเดียทุกคน เรารอคอยที่จะร่วมงานกับ Aditya Birla Group เพื่อสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นทุกคน”

การควบรวมยุทธศาสตร์

Vodafone Group Plc (LSE: VOD) และ Idea Cellular (NSE: IDEA) ได้ประกาศว่าได้บรรลุข้อตกลงในการควบรวมกิจการร่วมกันในอินเดียแล้วในวันนี้ (ไม่รวมกิจการของ Vodafone ใน Indus Towers ร้อยละ 42) เพื่อสร้างธุรกิจผู้ประกอบการด้านโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของอินเดีย บริษัทที่ควบรวมกันนี้จะกลายเป็นผู้นำธุรกิจด้านการสื่อสารในอินเดีย ซึ่งมีฐานลูกค้า 400 ล้านราย ครองส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 35 และส่วนแบ่งรายได้ร้อยละ 41 6

ยุทธศาสตร์ด้านแบรนด์ของบริษัทที่ควบรวมนี้ จะได้รับการพัฒนาขึ้นตามเวลาที่กำหนด และจะเพิ่มความใกล้ชิดกับลูกค้าจากทั้งสองแบรนด์ที่มีมายาวนานนับทศวรรษ ชื่อของบริษัทจดทะเบียนที่ควบรวมนี้จะได้รับการเปลี่ยนแปลงตามกำหนดการ

การควบรวมกิจการ Idea กับ Vodafone India จะดำเนินการตามหน้าที่ความรับผิดชอบร่วมกัน เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ด้านดิจิตัลของรัฐบาลอินเดีย และสอดรับกับเป้าประสงค์ด้านการเงิน อันจะนำมาซึ่งประโยชน์ที่โดดเด่นให้กับผู้บริโภคชาวอินเดีย 1.3 พันล้านคน และสร้างมูลค่าอันยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนร่วมทั้งหลาย

ด้วยการควบรวมธุรกิจนี้ Idea และ Vodafone จะร่วมสร้างองค์กรที่มีขนาดและศักยภาพในการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ และให้บริการโทรศัพท์มือถือในราคาที่เหมาะสม เพิ่มทางเลือกในการบริโภคในตลาดที่มีการแข่งขันสูง ที่มีผู้ประกอบการด้านโทรคมนาคมเป็นอย่างน้อย 5 รายนี้ การควบรวมเครือข่ายและคลื่นความถี่ที่บริษัททั้งสองถือครองอยู่นี้ ประกอบกับการลงทุนที่ต่อเนื่อง จะช่วยเร่งการขยายบริการบรอดแบรนด์ไร้สายด้วยเทคโนโลยี 4G/4G+/5G ไปยังทั่วประเทศอินเดีย เพื่อเสริมสร้างความสามารถ สนับสนุนการเติบโตของเนื้อหาดิจิตัล และบริการ IoT อีกยังจะนำพาประสบการณ์บรอดแบรนด์ระดับโลกมามอบให้กับผู้บริโภคด้วย

บริษัทที่ควบรวมกันนี้จะมีคลื่นความถี่ที่พอเพียงต่อการแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ในตลาด โดยจะถือครองคลื่นความถี่ 1,850 MHz ซึ่งรวมถึงราวๆ 1,645 MHz คลื่นความถี่เสรีที่ได้มาจากการประมูล 7 ซึ่งทั้งนี้ ทำให้สามารถสร้างฐานความจุข้อมูลมือถือ ใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่บรอดแบรนด์ได้สูงสุดโดยใช้ 34 3G carrier และ 129 4G carrier ได้ทั่วประเทศ

ความแข็งแกร่งของ Vodafone India ในเขตเมือง และการเป็นผู้นำของ Idea ในแถบชานเมืองและชนบทในตลาดธุรกิจโทรคมนาคมจะทำให้กลายเป็นผู้นำธุรกิจในประเทศตามข้อแนะนำ Indian M&;A สำหรับในเขตที่ทั้ง Idea และ Vodafone India ไม่มีบทบาทมากนักในปัจจุบัน การรวมกิจการก็จะเป็นการท้าทายการเข้าสู่การชิงตำแหน่งผู้นำด้วยเพราะมีขนาดและศักยภาพที่จะแข่งขันได้สูงยิ่งขึ้น และเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคมากขึ้น

บริษัทที่ควบรวมกันนี้จะช่วยนำมาซึ่งการส่งเสริมจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งสองแห่งคือ Vodafone และ Aditya Birla Group (แต่ละบริษัทเรียกว่า “ฝ่ายหนึ่ง” และรวมกันทั้งสองแห่งเรียกว่า “ทั้งสองฝ่าย”) เพื่อขับเคลื่อนสู่การเติบโต การลงทุน และเพิ่มมูลค่าให้กับผู้มีส่วนร่วมทั้งหมด ศักยภาพของทั้งสองฝ่ายจะร่วมสร้างประสบการณ์ในการเป็นผู้นำธุรกิจในหลายมิติในหลายๆ ภูมิภาค เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับโลกในภาคธุรกิจโทรคมนาคมด้วยความที่มีขนาดที่ใหญ่ระดับโลก มีการให้บริการต่อภาคธุรกิจ มีบริการด้านการเงินผ่านมือถือและการจัดซื้อ และมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับตลาดอินเดียอย่างแท้จริง

รายละเอียดการดำเนินการ

รายละเอียดการดำเนินการมีโครงสร้างดังนี้:

  • Idea จะให้การสนับสนุนด้านทรัพย์สินทั้งหมดรวมถึงอาคารเดี่ยวที่มีผู้เช่าจำนวน 15.4k 8 และร้อยละ 11.15 ใน Indus Towers
  • Vodafone จะให้การสนับสนุนด้วย Vodafone India รวมถึงอาคารเดี่ยวที่มีผู้เช่าจำนวน 15.8k 8 แต่ไม่รวมร้อยละ 42 ใน Indus Towers
  • อัตราส่วนการควบรวมกิจการนั้นสมดุลย์กัน โดยเป็นไปตามคำแนะนำร่วมกันจากผู้ประเมินราคาอิสระ โดยตามราคาหุ้นของ Idea (INR72.5 ในรอบซื้อขาย 30 วัน VWAP ณ 27 มกราคม 2017) อัตราควบรวมที่ตกลงกันได้สำหรับ Vodafone India อยู่ที่ INR828 พันล้าน (US$12.4 พันล้าน) ส่วนมูลค่าธุรกิจโทศัพท์มือถือของ Idea อยู่ที่ INR722 พันล้าน (US$10.8 พันล้าน) โดยไม่รวมกิจการใน Indus Towers อีกร้อยละ 11.15 ซึ่งทั้งนี้ มีมูลค่าเท่ากันกับ Vodafone India ที่ 6.4x EV/LTM EBITDA และ Idea ที่ไม่รวมกิจการใน Indus Towers มีมูลค่า 6.3x EV/LTM EBITDA 9
  • การให้เงินอุดหนุนของ Vodafone ต่อหนี้สินสุทธิจะขึ้นอยู่กับหนี้สินสุทธิของ Idea หลังดำเนินการแล้วเสร็จและสิ้นสุดการดำเนินการปรับเปลี่ยนตามข้อกำหนดแล้ว Vodafone จะให้การสนับสนุนเป็นจำนวน INR25 พันล้าน (US$369 ล้าน) ซึ่งมากกว่าหนี้สินสุทธิของ Idea หลังดำเนินการแล้วเสร็จ ด้วยหนี้สินสุทธิของ Idea จำนวน INR527 พันล้าน (US$7.9 พันล้าน) ณ 31 ธันวาคม 2016 10 อาจสรุปได้ว่า Vodafone จะให้การสนับสนุนเป็นจำนวนเงิน INR552 พันล้าน (US$8.2 พันล้าน) หรือใกล้เคียง
  • Vodafone จะถือครองสัดส่วนบริษัทที่ควบรวมแล้วร้อยละ 45.1 ภายหลังโอนสัดส่วนร้อยละ 4.9 ที่มีมูลค่าราว INR39 พันล้าน (ประมาณ US$579 ล้าน) ให้ Aditya Birla Group โดยชำระเป็นเงินสดเมื่อการควบรวมกิจการดำเนินการแล้วเสร็จ ส่วน Aditya Birla Group จะถือครองสัดส่วนกิจการที่ควบรวมแล้วนี้ร้อยละ 26.0 และผู้ถือหุ้น Idea รายอื่นๆ จะถือครองส่วนที่เหลือร้อยละ 28.9
  • Aditya Birla Group มีสิทธิที่จะจัดหาหุ้นเพิ่มเติมอีกร้อยละ 9.5 จาก Vodafone ภายใต้ข้อกำหนดตามที่ตกลงเพื่อการถือครองหุ้นในสัดส่วนที่เท่าเทียมกัน ณ เวลาใดๆ ก็ได้ หาก Aditya Birla Group ไม่บรรลุการถือครองหุ้นตามสัดส่วนที่เท่ากัน Vodafone จะลดการถือครองหุ้นลงเพื่อให้มีสัดส่วนเท่าเทียมกันกับที่ Aditya Birla ถืออยู่ จนกว่าการถือครองสัดส่วนจะเท่าเทียมกัน หุ้นเพิ่มเติมที่ถือโดย Vodafone จะได้รับการจำกัด และการออกเสียงก็จะกระทำร่วมกันภายใต้เงื่อนไขตามข้อตกลงผู้ถือหุ้น

ก่อนดำเนินการแล้วเสร็จ Vodafone และ Idea จะขายอาคารเดี่ยวของตน และกิจการของ Idea ร้อยละ 11.15 ใน Indus Towers เพื่อลดเลเวอเรจของกิจการร่วมทุนนี้ อีก Vodafone ยังจะสรรหาทางเลือกทางยุทธศาสตร์สำหรับกิจการร้อยละ 42 ใน Indus Towers โดยอาจทำได้ทั้งการจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์บางส่วนหรือทั้งหมด

เนื่องจากกิจการที่ควบรวมนี้จะได้รับการควบคุมร่วมกันโดยทั้ง Vodafone และ Aditya Birla Group

Vodafone จะแยกกิจการ 11 Vodafone India ในทันที หลังสิ้นสุด บริษัทที่ควบรวมแล้วจะได้รับการรายงานเป็นกิจการร่วมทุนโดย Vodafone และจัดทำรายการแสดงด้วยวิธีส่วนได้เสีย อันเป็นผลมาจากการลดหนี้สินสุทธิของ Vodafone จากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ณ 31 ธันวาคม 2016 เป็นจำนวน INR552 พันล้าน (US$8.2 พันล้าน) ซึ่งรวมกับเงินสด INR39 พันล้าน (US$579 ล้าน) ที่ได้รับจาก Aditya Birla Group ที่จะลดเลเวอเรจตามที่รายงานโดย Vodafone Group ประมาณ 0.3x หนี้สินสุทธิ/EBITDA 12

การดำเนินการนี้คาดว่าจะส่งผลดีต่อกระแสเงินสดของ Vodafone 13 ตั้งแต่สิ้นสุดระยะเวลาหนึ่งปีแรกเต็มภายหลังการดำเนินการแล้วเสร็จ

โอกาสในการประสานงาน

การควบรวมกิจการ Idea และ Vodafone India จะสร้างกิจการที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของลูกค้าในการบริโภคข้อมูล และจะสร้างประสิทธิภาพที่โดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด ต้นทุนหลักและรายจ่ายฝ่ายทุนคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณปีละ INR140 พันล้าน (US$2.1 พันล้าน) ในช่วงระยะสี่ปีเต็มภายหลังการดำเนินการแล้วเสร็จ ซึ่งเท่าเทียมกับมูลค่าสุทธิ ณ ปัจจุบันที่ประมาณ INR700 พันล้าน (US$10.5 พันล้าน) 14 หลังรวมกิจการเบ็ดเสร็จแล้ว 15 การประหยัดต้นทุนการดำเนินการอยู่ที่ร้อยละ 60 ของการประหยัด run-rate ตามที่คาดการณ์ 16

แหล่งที่มาหลักของต้นทุนและรายจ่ายเพื่อการลงทุนที่คาดการณ์ไว้ รวมถึง:

  • การจัดสรรโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย การสร้างประสิทธิภาพให้การปฏิบัติการ การลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา และการประหยัดต้นทุนด้านพลังงาน
  • มีคลื่นความถี่ให้ใช้เพิ่มมากขึ้น และการแปรเครือข่ายวิทยุ (RAN) แบบเดี่ยวที่กว้างไกลขึ้น ประกอบกับการแปรซ้ำอุปกรณ์ที่ซ้ำซ้อนกันในพื้นที่ที่จัดสรร อันมาจากการลดรายจ่ายฝ่ายทุน
  • ศูนย์บริการ ส่วน back office และการกระจายประสิทธิภาพ
  • การวางระบบสารสนเทศให้คล่องตัวและกระจายไปยังทั่วประเทศ และการพัฒนาระบบสารสนเทศให้เป็นระบบเดียวสำหรับกิจการร่วมทุนใหม่ และ
  • ค่าใช้จ่ายเพื่อการบริหารจัดการและการจัดการทั่วไปเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ทั้งสองฝ่ายยังได้เตรียมการสำหรับการแบ่งแยกการทำงานกัน ซึ่งทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการชำระเงินสำหรับคลื่นความถี่เสรี และข้อกำหนดเกี่ยวกับคลื่นความถี่ และเส้นแบ่งของส่วนแบ่งการตลาดในแต่ละเขตพื้นที่ในหนึ่งปีภายหลังการดำเนินการแล้วเสร็จ ค่าใช้จ่ายเพื่อคลื่นความถี่เสรีคาดว่าจะมีมูลค่าสุทธิอยู่ที่ประมาณ INR30 พันล้าน (US$0.5 พันล้าน)

กลไกเพื่อความเท่าเทียม
Aditya Birla Group มีสิทธิที่จะจัดหาให้ได้มาซึ่งหุ้นเพิ่มเติมจาก Vodafone ภายใต้วิธีการตามที่ตกลง เพื่อความเท่าเทียมกับในการถือครองหุ้นของทั้งสองฝ่าย ณ เมื่อใดก็ได้ จนกว่าการถือครองสัดส่วนจะเท่าเทียมกัน หุ้นเพิ่มเติมที่ถือโดย Vodafone จะได้รับการจำกัด และการออกเสียงก็จะกระทำร่วมกันภายใต้เงื่อนไขตามข้อตกลงผู้ถือหุ้น

ทั้งสองฝ่ายตกลงกำหนดช่วงเวลาพักห้ามซื้อขายในช่วงสามปีแรกหลังสิ้นสุด โดยในระยะเวลาที่กำหนดนี้ จะไม่มีฝ่ายใดที่สามารถซื้อหุ้นจาก หรือขายหุ้นใดๆ ให้กับบุคคลที่สามได้

โดยในระหว่างช่วงเวลาห้ามซื้อขายนี้ Aditya Birla Group มีสิทธิที่จะจัดซื้อหุ้นเพิ่มเติมของกิจการร่วมทุนในสัดส่วนได้ไม่เกินร้อยละ 9.5 จาก Vodafone ตามราคาที่ตกลงกันที่เท่าเทียมกับหุ้นทุนมูลค่า INR946 พันล้าน (US$14.1 พันล้าน) สำหรับบริษัทที่ควบรวมสมบูรณ์แล้ว 100 เปอร์เซ็นต์ (หลังการสิ้นสุด) ซึ่งทั้งนี้ เท่ากับ INR130 ต่อหุ้น ซึ่งเป็นมูลค่าพรีเมียมร้อยละ 80 สำหรับหุ้นของ Idea ที่ราคา INR72.5 (ตามช่วงเวลาซื้อขาย 30 วัน VWAP ณ วันที่ 27 มกราคม 2017 17)

หากหุ้นของทั้งสองฝ่ายมีสัดส่วนไม่เท่ากันภายในระยะเวลาสามปีแรก Aditya Birla Group ต้องทำการแจ้งต่อ Vodafone ว่ายังขาดหุ้นอยู่เป็นจำนวนเท่าไร (จำกัดสูงสุดที่ร้อยละ 9.5 จากหุ้นที่ถือครองไว้แล้วในช่วงสามปีแรก) ที่ต้องจัดสรรเพิ่มเติม ดังนั้น Aditya Birla Group มีเวลา 12 เดือนในการจัดหาหุ้นตามราคาทั่วไปในท้องตลาด ภายหลังการสิ้นสุดระยะเวลาสามปี ช่วงเวลาพักการซื้อขายจะจบลงสำหรับทุกๆ หุ้นที่ไม่ใช่แต่หุ้นที่ Aditya Birla Group ต้องจัดหามาให้ได้เท่านั้น ถ้ามี

นับแต่เริ่มต้นปีที่ห้าหลังจากการสิ้นสุด หากสัดส่วนการถือครองหุ้นของ Vodafone และ Aditya Birla Group ในอินเดียยังไม่เท่าเทียมกัน Vodafone จะขายหุ้นบริษัทร่วมทุนนี้ให้กับ Aditya Birla Group เพื่อให้ได้สัดส่วนที่เท่าเทียมกันในช่วงระยะเวลาห้าปีถัดไป 18

การจัดการและธรรมาภิบาลร่วม

Vodafone และ Aditya Birla Group ได้บรรลุข้อตกลงผู้ถือหุ้นร่วมกัน ข้อกำหนดต่างๆ สำหรับบริษัทร่วมทุนจะได้รับการปรับแต่งเมื่อสิ้นสุดแล้วเพื่อให้สะท้อนถึงสิทธิของแต่ละฝ่ายให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ภายหลังการดำเนินการเสร็จสมบูรณ์ คณะกรรมการสำหรับกิจการร่วมทุนจะประกอบด้วย ผู้บริหารระดับอำนวยการจำนวน 12 ท่าน ซึ่งรวมถึงผู้บริหารที่มอบหมายโดย Vodafone และ Aditya Birla Group ฝ่ายละสามท่าน และผู้บริหารอิสระอีกจำนวนหกท่าน

Adittya Birla Group มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะกำหนดบุคคลผู้รับตำแหน่งประธาน (จากหนึ่งในสามผู้บริหารระดับอำนวยการที่เลือก) ซึ่งก็คือ นาย Kumar Mangalam Birla Vodafone มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะกำหนดบุคคลผู้รับตำแหน่งผู้บริหารฝ่ายการเงิน ทั้ง Vodafone และ Aditya Birla Group จะตกลงร่วมกันเพื่อกำหนดตัวบุคคลที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ

บทบาทเหล่านี้ – ประกอบกับบทบาทอันกว้างขวางของทีมผู้บริหาร – จะได้รับการยืนยันให้ชัดเจนก่อนการสิ้นสุดการกำหนดหลักการเกี่ยวกับ ‘บุคลากรที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งหน้าที่’

สิทธิของทั้งสองฝ่ายภายใต้ข้อตกลง – และการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขข้อกำหนดของกิจการร่วมทุน – จะขึ้นอยู่กับจำนวนเงื่อนไขต่างๆ ที่รวมถึง (แต่ไม่จำกัดเพียง) ฝ่ายที่ถือครองหุ้นกิจการร่วมทุนเกินกว่าร้อยละ 26 จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2020 และเกินกว่าร้อยละ 21 นับแต่นั้นเป็นต้นมา

โครงสร้างการลงทุนและนโยบายการจ่ายเงินปันผล

หนี้สินสุทธิตามแสดงรายการ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2016 อยู่ที่ INR1,079 พันล้าน (US$ 16.1 พันล้าน) และตามตัวเลขนี้ เลเวอเรจของกิจการร่วมทุนจึงอยู่ที่ 4.4x LTM EBITDA 19 รายการการขายทอดอาคารเดี่ยวของ Vodafone และ Idea และกิจการของ Idea ร้อยละ 11.15 ใน Indus และ run-rate และรายจ่ายฝ่ายทุนตามที่คาดการณ์ จะทำให้เลเวอเรจเป็น 3.0x LTM EBITDA 20

ทั้งสองฝ่ายคาดการณ์ว่ากิจการร่วมทุนจะจัดสรรทุนได้ด้วยตัวเองในภายหน้าและรักษาสมดุลย์ได้อย่างเหมาะสมก่อนการสิ้นสุดและในภายหลัง จากการที่รับได้รับการสนับสนุนโดยการขายทอดอาคารเดี่ยวของ Idea และ Vodafone รวมถึงการขายทอดกิจการของ Idea ใน Indus ร้อยละ 11.15 ด้วย

ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันถึงโครงสร้างการลงทุนและนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่คาดว่าจะนำมาใช้ภายหลังการสิ้นสุด ทั้งนี้ จึงมั่นใจได้ว่ากิจการที่ควบรวมนี้มีสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมและจำนวนกระแสเงินสดที่เกิน21 ได้กระจายไปยังผู้ถือหุ้น

ข้อกำหนดเพื่อสิ้นสุดการดำเนินการและกำหนดการ

การดำเนินการนี้คาดว่าจะได้รับอนุมัติจากหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบตามกฎหมาย Vodafone และ Idea ได้เตรียมการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดและตามข้อบ่งชี้สำคัญที่ระบุไว้แล้ว

การดำเนินการนี้ยังขึ้นกับเงื่อนไขต่างๆ ตามธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงหากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่ไม่พึงประสงค์ จำเป็นต้องมีการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นของ Idea ภายใต้หลักเกณฑ์การเตรียมการ การดำเนินการนี้ไม่จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติโดยผู้ถือหุ้นของ Vodafone

การดำเนินการนี้มีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ INR33 พันล้าน (US$ 500 พันล้าน) ซึ่งจะสามารถชำระได้ตามแต่โอกาส

Vodafone และ Idea คาดหวังว่าการดำเนินการจะเสร็จสมบูรณ์และเริ่มต้นในปี ค.ศ. 2018

การเงินหลัก

12 เดือน สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2016
INRm (US$m)
Vodafone India (IFRS) Idea Cellular (IndAS)
รายได้ INR446,644 ล้าน
(US$6,671 ล้าน)
INR369,278 ล้าน
(US$5,516 ล้าน)
EBITDA INR129,872 ล้าน
(US$1,940 ล้าน)
INR114,139 ล้าน
(US$1,705 ล้าน)
รายจ่ายฝ่ายทุน INR78,644 ล้าน
(US$1,175 ล้าน)
INR74,721 ล้าน
(US$1,116 ล้าน)

เกี่ยวกับ Vodafone

Vodafone เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และมีบริการหลายระดับซึ่งรวมถึงการสื่อสารด้วยเสียง ข้อความ ข้อมูลและการสื่อสารแบบคงที่ Vodafone ดำเนินธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ใน 26 ประเทศ ร่วมธุรกิจกับเครือข่ายมือถือกว่า 49 แห่ง และดำเนินธุรกิจบรอดแบรนด์แบบคงที่ในตลาด 17 แห่ง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2016 Vodafone มีลูกค้าโทรศัพท์มือถือกว่า 470 ล้านรายและลูกค้าบรอดแบรนด์คงที่ถึง 14.3 ล้านราย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่: www.vodafone.com.

เกี่ยวกับ Aditya Birla Group

Aditya Birla Group เป็นบริษัทที่ดำเนินการอยู่ใน 36 ประเทศที่มีมูลค่า 41 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ Aditya Birla Group ดำเนินธุรกิจในอินเดียและทั่วโลกมากว่า 5 ทศวรรษ มีธุรกิจที่โดดเด่นหลากหลาย เช่น การโทรคมนาคมเคลื่อนที่ เหมืองแร่และโลหะ คาร์บอนดำ สิ่งทอ เครื่องแต่งกาย เคมีภัณฑ์ ปุ๋ย ประกันชีวิต และธุรกิจบริการด้านการเงิน

เกี่ยวกับ Idea Cellular

Idea Cellular เป็นผู้ให้บริการการสื่อสารไร้สายที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของอินเดีย Idea ได้รับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ National Stock Exchange (NSE) และ Bombay Stock Exchange (BSE) ในอินเดีย บริษัท Idea เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม Aditya Birla Group ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย

ในช่วง 12 เดือนสุดท้ายจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2016 บริษัท Idea Cellular ได้รายงานรายได้ที่ INR369 พันล้าน (US$ 5.5 พันล้าน) และ EBITDA ที่ INR114 พันล้าน (US$ 1.7 พันล้าน)

ที่ปรึกษาของ Vodafone และ Vodafone India

ที่ปรึกษาหลักด้านการเงิน: Morgan Stanley และ Robey Warshaw

ที่ปรึกษาด้านการเงิน: Bank of America Merrill Lynch, Kotak Investment Bank, Rothschild และ UBS.

ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย: S&;R Associates and Slaughter and May

ที่ปรึกษาของ Idea

ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย: Vaish Associates Advocates and Bharucha &; Partners

ผู้ให้ความคิดเห็นด้านความเป็นธรรม Axis Capital Limited

Joint Independent Valuers

Walker Chandiok &; Co LLP และ Bansi S. Mehta &; Co

คำถาม:
Vodafone

ความสัมพันธ์นักลงทุน
โทร: +44 (0) 7919 990 230
ความสัมพันธ์กับสื่อ: www.vodafone.com/media/contact

Idea Cellular Limited
ความสัมพันธ์นักลงทุน
โทร: +91 22 95940 03439
อีเมล: investorrelations@idea.adityabirla.com

หมายเหตุถึงบรรณาธิการ
ใช้อัตรา FX:
INR / US$ 66.95

คำสงวนสิทธิ์
ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ อาจเป็น “แถลงการณ์คาดการณ์” ที่แปลความหมายได้โดยการใช้นิยามว่า “อาจ” , “จะ”, “ควรจะ”, “คาดว่า”,“คาดหวังว่า”, “มีโครงการว่า”, “ประมาณ”, “คิดว่า”, “ต่อเนื่อง”, “มีเป้าหมายว่า”, “เชื่อว่า” (หรือกล่าวกลับกันในเชิงลบ) หรือใช้นิยามอื่นในทำนองเดียวกันหรือเทียบเคียงกัน หรือโดยยุทธศาสตร์ทางการเจรจา วัตถุประสงค์ จุดมุ่งหมาย สถานการณ์ในอนาคตหรือโดยเจตนา แถลงการณ์เหล่านั้นแสดงถึงเจตนา ความคิดเห็น หรือการคาดการณ์ ณ ปัจจุบันของทั้งสองฝ่ายตามสถานการณ์ที่เป็นไปได้และตามแผนการณ ปัจจุบัน การประมาณการณ์และการทำนาย ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้พิจารณาแล้วบนพื้นฐานความรู้ที่ดีที่สุดทีมี ความเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ พิจารณาจากพื้นฐานทางธุรกิจ ผลการดำเนินการ ฐานะทางการเงิน โอกาสที่เล็งเห็น การเติบโต และยุทธศาสตร์ของ Vodafone และ Idea Cellular Limited (“Idea”) (บริษัทในกลุ่ม Aditya Birla Group) แถลงการณ์ที่เกี่ยวกับการดำเนินการและผลที่คาด และประโยชน์จากการควบรวมกิจการ โอกาสการเติบโตในอนาคตของกิจการร่วมทุน และวันสิ้นสุดการดำเนินการตามที่กำหนด และเจตนาด้านการเงินสำหรับกิจการร่วมทุน (รวมถึงเลเวอเรจที่ตั้งไว้) ด้วยปัจจัยเสี่ยงและความไม่แน่นอนทั้งหลายที่อาจเกิดขึ้น สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงหรือผลการดำเนินการอาจแตกต่างไปจากที่กล่าวถึงหรือที่กล่าวโดยนัยไว้ในแถลงการณ์คาดการณ์ฉบับนี้

ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนนี้รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียง การอนุมัติตามกฎหมายที่อาจต้องยอมรับเงื่อนไขที่อาจก่อผลอันไม่พึงประสงค์ ความเสี่ยงที่เกี่ยวกับความสามารถของทั้งสองผ่ายที่ทำการประเมินผลประโยชน์ที่ได้รับจากการควบรวมกิจการ ผลกระทบตามกฎหมายหรือการดำเนินการต่างๆ และการเติบโตอย่างต่อเนื่องในธุรกิจการบริการโทรคมนาคม และเงื่อนไขด้านเศรษฐกิจทั้งหลายตามภาวะตลาด

นอกจากนี้ การทบทวนเหตุที่ก่อผลที่แท้จริงและการพัฒนาอาจแตกต่างๆ ไปจากความคาดหมายที่เปิดเผยไว้หรือกล่าวโดยนัยไว้ในแถลงการณ์คาดการณ์นี้เช่นกัน:

  • ภายใต้ “แถลงการณ์คาดการณ์” และ “ปัจจัยเสี่ยงหลักและความไม่แน่นอน” ในรายงานประจำปีของ Vodafone Group Plc ในรอบสิ้นสุดปี ณ 31 มีนาคม 2016 และ
  • ภายใต้ “ข้อมูลอื่น - แถลงการณ์คาดการณ์” ในรายงานด้านการเงินรอบครึ่งปีของ Vodafone Group Plc สำหรับช่วงระยะเวลา 6 เดือน สิ้นสุด ณ 30 กันยายน 2016

ไม่มีสิ่งใดที่ให้การประกันว่าแถลงการณ์คาดการณ์ที่ประกาศนี้จะได้รับการพิจารณา ดังนั้น ผู้รับข้อมูลจึงไม่ควรยึดมั่นต่อแถลงการณ์คาดการณ์นี้ ในการปฏิบัติให้สอดคล้องตามข้อบังคับและข้อกำหนดตามกฎหมาย ทั้งสองฝ่ายไม่สัญญาว่าจะปรับปรุงเนื้อหาใดในแถลงการณ์คาดการณ์นี้ให้ทันต่อเหตุการณ์ ไม่มีการดำเนินการแทนหรือการประกันใดๆ ที่สามารถใช้เป็นเหตุเป็นผลจากแถลงการณ์คาดการณ์นี้ ไม่มีแถลงการณ์ใดในเอกสารนี้ที่แสดงเจตนา หรือไม่อาจตีความว่าเป็นการคาดคะเนได้ถึงผลประโยชน์ หรือประเมินถึงในช่วงเวลาหนึ่ง และไม่มีแถลงการณ์ใดในเอกสารนี้ที่ควรได้บการตีความว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินการ กระแสเงินสดอิสระ รายรับ รายรับต่อหุ้นทั้งของ Vodafone (หลังปรับเปลี่ยนจากการรวมกิจการ) หรือ Idea จะสอดคล้องหรือเกินกว่ากระแสเงินสด กระแสเงินสดอิสระ รายรับ รายรับต่อหุ้นทั้งของ Vodafone หรือ Idea ตามที่เคยปรากฏหรือที่นำเสนอไว้แล้วจากการดำเนินงาน (ตามความเหมาะสม) ผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างไปจากที่นำเสนอหรือที่กล่าวโดยนัย

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นข้อมูลเท่านั้น โดยไม่มีเจตนา หรือสนับสนุน หรือก่อให้เกิดบางส่วนเพื่อทำการชี้ขวน ซื้อ หรือลงทุนในหุ้นของบริษัทใดตามที่ระบุตามเขตอำนาจตามกฎหมาย ไม่ว่าจะอ้างถึงการดำเนินการหรือเป็นอย่างอื่น เอกสารนี้ จะไม่ได้รับการแจกจ่ายหรือนำไปใช้โดยบุคคลหรือองค์กรอื่นตามเขตอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยการแจกจ่ายหรือการใช้ที่ขัดขวางต่อการบังคับใช้หรือระเบียบข้อบังคับตามกฎหมาย

1 ผู้ประกอบการด้านการสื่อสารรายใหญ่ที่สุดหากพิจารณาจากรายได้ (ตามไตรมาสสิ้นสุดเมื่อเดือนธันวาคม 2016 รายได้อุตสาหกรรม TRAI) และผู้ลงทะเบียนเข้ารับบริการ (ตามที่รายงานเมื่อ เดือนธันวาคม 2016)
2ตาม: (มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ Idea คือ INR263 พันล้าน (US$3.9 พันล้าน)/ 50%) x45.1 % + INR39 พันล้าน (US$579 ล้าน) (ได้รับการโอนในสัดส่วน 4.9) + การสนับสนุนทางหนี้สินสุทธิ Vodafone India จำนวน INR552 พันล้าน (US$8.2 พันล้าน) ตามหนี้สินของ Idea (ตามแบบแก้ไขตามรายการ) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2016; มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ Idea เมื่อ 27 มกราคม 2017 (ในการปิดการซื้อขาย 30 วัน VWAP จำนวน INR 72.5) ซึ่งเป็นวันทำการซื้อขายสุดท้ายก่อนการประกาศโดย Vodafone และ Idea ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากันเพื่อการควบรวมกิจการ; การประเมินราคา Idea ได้รับการคำนวณโดยไม่รวมส่วนของ Idea ร้อยละ 11.15 ใน Indus Towers (คิดมูลค่าได้ 8.8x LTM EBITDA ตามการคำนวณการปิดจาก Bharti Infratel เมื่อ 17 มีนาคม 2017)
3โดยพิจารณาเป็นรายปีก่อนค่ารวมกิจการในหลังปีที่สี่หลังการดำเนินการแล้วเสร็จ
4โดยเป็นไปตาม หนี้สินสุทธิ/EBITDA ตามงบดุลคาดการณ์ ณ สิ้นสุดปีงบประมาณ 2017 หนี้สินสุทธิ/EBITDA ที่ INR39 พันล้าน (US$579 ล้าน) ที่ชำระโดย Aditya Birla Group มีการปรับเปลี่ยนเพื่อการแยกกิจการกับ Vodafone Netherlands ซึ่งอยู่ภายใต้เงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพื่อความสำเร็จ
5FCF ตามที่กำหนดโดย Vodafone ตามมาตรฐานข้อแนะนำ แต่หลังจากการชำระค่าคลื่นความถี่แล้ว
6 ผู้ประกอบการด้านการสื่อสารรายใหญ่ที่สุดหากพิจารณาจากรายได้ (ตามไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2017 รายได้อุตสาหกรรม TRAI) และผู้ลงทะเบียนเข้ารับบริการ (ตามที่รายงานเมื่อ เดือนธันวาคม 2016)
7คลื่นความถี่ที่ถือครองอยู่ได้แสดงไว้ในรายการแบบรวมและอาจจำเป็นต้องลดลงเพื่อให้สอดคล้องกับข้อแนะนำ M&;A
8ซึ่งไม่รวม IBS (in-buildings solutions),COW (cell-sites on wheels) และอาคารและผู้เช่า MSC (mobile switching centre)
9 ตาม: (มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ Idea คือ INR263 พันล้าน (US$3.9 พันล้าน)/ 50%) x45.1 % + INR39 พันล้าน (US$579 ล้าน) (ได้รับการโอนในสัดส่วน 4.9) + การสนับสนุนทางหนี้สินสุทธิ Vodafone India จำนวน INR552 พันล้าน (US$8.2 พันล้าน) ตามหนี้สินของ Idea (ตามแบบแก้ไขตามรายการ) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2016; มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ Idea เมื่อ 27 มกราคม 2017 (ในการปิดการซื้อขาย 30 วัน VWAP จำนวน INR 72.5) ซึ่งเป็นวันทำการซื้อขายสุดท้ายก่อนการประกาศโดย Vodafone และ Idea ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากันเพื่อการควบรวมกิจการ; การประเมินราคา Idea ได้รับการคำนวณโดยไม่รวมส่วนของ Idea ร้อยละ 11.15 ใน Indus Towers (คิดมูลค่าได้ 8.8x LTM EBITDA ตามการคำนวณการปิดจาก Bharti Infratel เมื่อ 17 มีนาคม 2017)
10 ตามแบบแก้ไขตามรายการ
11 รายได้ EBITDA กำไรจากการดำเนินการ กำไรก่อนหักและหลังหักภาษีของ Vodafone สำหรับ ณ สิ้นสุดปีงบประมาณ เมื่อ 31 มีนาคม 2017 จะไม่รวมกับ Vodafone India ซึ่งผลภายหลังหักภาษีของ Vodafone India จะแสดงออกมาแบบเดี่ยวในงบกำไรขาดทุน ผลประกอบการทางการเงินในปีก่อนๆ ที่ผ่านมาจะได้รับการนำมาแถลงใหม่ตามมาตรฐาน
12โดยเป็นไปหนี้สินสุทธิ/EBITDA ตามการคาดการณ์ ณ สิ้นสุดปีงบประมาณ 2017 หนี้สินสุทธิ/EBITDA ที่ INR39 พันล้าน (US$579 ล้าน) ที่ชำระโดย Aditya Birla Group มีการปรับเปลี่ยนเพื่อการแยกกิจการกับ Vodafone Netherlands ซึ่งอยู่ภายใต้เงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพื่อความสำเร็จ
13 FCF ตามที่กำหนดโดย Vodafone ตามมาตรฐานข้อแนะนำ แต่หลังจากการชำระค่าคลื่นความถี่แล้ว
14 การชำระค่าคลื่นความถี่เสรีล่วงหน้า หรือการชำระค่าคลื่นความถี่เสรีภายหลังจำนวน INR670 พันล้าน (US$10.0 พันล้าน)
15 ค่าใช้จ่ายรวมเพื่อการรวมกิจการและรายจ่ายฝ่ายทุนตามที่คาดอยู่ที่ประมาณ INR133พันล้าน (US$2.0 พันล้าน) ตั้งแต่ดำเนินการแล้วเสร็จจนถึงสิ้นปีที่สี่เต็ม
16 ไม่รวมค่าใช้จ่ายเพื่อการควบรวมกิจการ
17 ตามจำนวนหุ้น Idea ที่ลดลง 3,630 ล้าน
18ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด
19ตาม 2 x หนี้สินสุทธิของ Idea (ตามแบบแก้ไขตามรายการ) จำนวน INR527 พันล้าน (US$7.9 พันล้าน) ณ 31 ธันวาคม 2016 + INR25 พันล้าน (US$369 ล้าน)
20 แบบรายการต้นทุนหลักและรายจ่ายฝ่ายทุนคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ US$1.3 พันล้าน ในช่วงระยะสี่ปีเต็มภายหลังการดำเนินการแล้วเสร็จ ซึ่งคาดว่าอาคารทรัพย์สินที่ปิดขายทอดที่ Bharti Infratel รวมกับ 8.8 x LTM EBITDA ณ 17 มีนาคม 2017 และ CGT ที่หักออกจากการดำเนินการ
21กระแสเงินสดที่เกินจะนำไปรวมไว้เพื่อการลงทุนในอนาคตของกิจการร่วมทุน