บริษัท ฮินดาลโค (Hindalco) รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ของปีงบประมาณ 2016 (ทั้งกิจการเดี่ยวและกิจการร่วม)

คลิกที่นี่เพื่อดูผลลัพธ์

คลิกที่นี่เพื่อดูงานนำเสนอ

อะลูมิเนียม – มีการเติบโตในส่วนการผลิตและประสิทธิผลอย่างแข็งแกร่ง โครงการที่อยู่ระหว่างจัดตั้งมีความก้าวหน้าโดยมีค่าใช้จ่ายที่ลดลง ทำให้ผลประกอบการกระเตื้องขึ้น สวนทางกับภาวะเศรษฐศาสตร์มหภาคที่ถดถอย
ทองแดง – ฟื้นตัวดีขึ้นในระหว่างช่วงเวลาที่ท้าทาย

ปีงบประมาณ 2016 ไฮไลท์:

• ผลประกอบการโดยรวมสูงขึ้นอีกครั้ง 1 ล้านล้านรูปี หรือประมาณ 15 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ถึงแม้ปริมาณการบริโภคได้ลดลง PBIDTA รวมอยู่ที่ 99,350 ล้านรูปี หรือประมาณ 1.5 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ
• มีปริมาณการผลิตอะลูมิเนียมและออกไซด์ของอะลูมิเนียมสูงสุดเป็นประวัติกาลที่ 1.1 ล้านตันและ 2.7 ล้านตันตามลำดับ โครงการที่อยู่ระหว่างจัดตั้งทั้งสามโครงการเป็นไปตามคาดหมาย
• กิจการทองแดงแสดงผลประกอบการที่ดีเยี่ยมอีกครั้ง
• Novelis รายงานสถิติการจัดส่งสูงสุดที่ 3.1 ล้านตัน ภาคอุตสาหกรรมยานยนตร์ยังคงเติบโตสูงขึ้น

ไฮไลท์ของไตรมาสที่ 4:

• ปริมาณการผลิตอะลูมิเนียมเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนถึงร้อยละ 27 เป็น 307 KT ผลต่างจากราคาปรับตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากราคาถ่านหินและน้ำมันดิบลดลง
• ผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียมมูลค่าเพิ่มมีอัตราการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง (FRP และผลิตภัณฑ์อัดรูป) โดยเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนสูงขึ้นร้อยละ 28 การผลิตเหล็กลวดเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 69 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงผลประโยชน์ที่ได้รับจากด้านพลังงาน
• ทองแดงมีผลประกอบการทรงตัว แม้จะมีรายได้ลดลงอย่างมากเนื่องจาก LME ลดลงในอัตราร้อยละ 20

ไฮไลท์ทางการเงิน

บริษัทอุตสาหกรรมฮินดาลโค (Hindalco Industries Limited) บริษัทแนวหน้าในกลุ่มบริษัทอดิตยา เบอร์ลา (Aditya Birla Group) ได้ประกาศผลประกอบการกิจการเดียวและผลประกอบการกิจการรวมที่ผ่านการตรวจสอบบัญชีแล้วสำหรับรอบไตรมาสสิ้นสุด ณ 31 มีนาคม 2016

ผลประกอบการรายไตรมาสกิจการเดี่ยว:

รายได้รายไตรมาสลดลงในอัตราร้อยละ 8 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุมาจากการลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญจากปริมาณการใช้อะลูมิเนียมและทองแดง ราคาเฉลี่ย LME (ดอลล่าร์สหรัฐฯ) ของอะลูมิเนียมและทองแดงลดลงในอัตราร้อยละ 16 และ 20 ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับธุรกิจอะลูมิเนียมนั้น ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเนื่องจากค่าบริการในท้องตลาดได้ลดต่ำลงอยางรุนแรง ซึ่งลดลงถึงร้อยละ 75 และมีอัตราการส่งออกอะลูมิเนียมที่ลดลงอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม มีจำนวนอะลูมิเนียมเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการผลิต ประกอบกับความมุ่งมั่นในการเพิ่มมูลค่า ได้เข้ามาชดเชยต่อปริมาณการใช้ที่ลดลงไปนี้ได้ส่วนหนึ่ง ค่าเงินรูปีที่อ่อนตัวลง ยังช่วยชดเชยผลกระทบจากปริมาณการใช้ที่ลดลงได้บางส่วน วัตถุดิบที่มีราคาต่ำลง โดยเฉพาะจากพลังงาน เป็นปัจจัยเสริมหลักที่ช่วยผ่อนคลายภาวะกดดันในช่วงไตรมาสนี้

กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (PBITDA) รายไตรมาสอยู่ที่ 13,710 ล้านรูปี สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนในอัตราร้อยละ 27 ซึ่งสะท้อนถึงผลการดำเนินการที่ดีขึ้นอย่างมาก ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากการถดถอยของเศรษฐกิจในระดับมหภาคก็ตาม

ค่าเสื่อมราคาและต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นร้อยละ 30 ทำให้โครงการที่อยู่ระหว่างจัดตั้งมีเงินลงทุนเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นอีก 2,120 ล้านรูปี จาก 7,040 ล้านรูปีในไตรมาส 4ปีงบประมาณ 2015 ถึงจะมีรายจ่ายจากดอกเบี้ยและค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้น กำไรก่อนหักภาษี (ก่อนรายการยกเว้นพิเศษ) อยู่ที่ 4,550 ล้านรูปี สูงขึ้นในอัตราร้อยละ 22 จากไตรมาสก่อนในปีเดียวกัน เนื่องจากมีการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง กำไรสุทธิของไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ 2016 อยู่ที่ 3,560 ล้านรูปี สูงขึ้นถึงร้อยละ 123 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 4 ปี 2015 ซึ่งมีผลมาจากค่าใช้จ่ายในคราวเดียว (1,460 ล้านรูปี)

ด้วยเหตุนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 3 ของปีงบประมาณ 2016 รายได้จากการดำเนินการจึงสูงขึ้นร้อยละ 6 โดยมีปัจจัยหลักจากปริมาณที่เพิ่มขึ้นและการปรับปรุงการผสมผสานผลิตภัณฑ์ ยอดการใช้อะลูมิเนียมที่เพิ่มขึ้น อันเกิดจาก LME ที่ดีขึ้น ประกอบกับค่าเงินรูปีที่อ่อนตัวลงยังช่วยเสริมอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นนี้ด้วย

รายงาน PBITDA ระบุว่าสูงขึ้นถึงร้อยละ 49 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2016 ขณะที่กำไรสุทธิทะยานขึ้นเป็น 3,560 ล้านรูปีเมื่อเปรียบเทียบกับ 400 ล้านรูปีในไตรมาส 3 ปี 2016 ผลประกอบการที่ดีขี้นนี้ มีปัจจัยหลักจากปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้น เสริมด้วยปริมาณการใช้ที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน แรงกดดันด้านราคาได้รับแรงสนับสนุนจากราคาพลังงานที่ลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาถ่านหิน ซึ่งทั้งนี้ทำให้ผลประกอบการของเราดีขึ้น การรักษาเสถียรภาพความก้าวหน้าของโรงงานใหม่ ก่อให้เกิดประสิทธิผลที่ดีขึ้น จึงทำให้ผลประกอบการนั้นดีขึ้นนั่นเอง

ผลประกอบการรายปีของกิจการเดี่ยว:

ในรอบไตรมาสสิ้นสุด ณ 31 มีนาคม 2016 รายได้ของบริษัทฯ อยู่ที่ 343,180 ล้านรูปี ซึ่งคงระดับเดียวกันกับปี 2015 ถึงแม้ปริมาณการใช้อะลูมิเนียมและทองแดงได้ลดลงอย่างมากก็ตาม การดิ่งลงของรายได้จากทองแดงได้รับการชดเชยด้วยรายได้จากกิจการอะลูมิเนียม ซึ่งรายได้จากอะลูมิเนียมที่สูงขึ้นนี้ มีปัจจัยหลักจากปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้นและการผสมผสานผลิตภัณฑ์ ถึงแม้ปริมาณการใช้จะลดลงก็ตาม

กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (PBITDA) ของปีสูงขึ้นในอัตราร้อยละ 2 สะท้อนถึงผลการดำเนินการที่ดีขึ้นอย่างมากในปีที่ท้าทาย เนื่องจากปริมาณการบริโภคโดยเฉลี่ยได้ลดลงอย่างมาก PBITDA ยังได้รับผลดีจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นอื่นๆ อีกด้วย

ตามความคาดหมาย ค่าเสื่อมราคาและต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นที่11,780 ล้านรูปีจากปี 2015 สืบเนื่องจากโครงการที่อยู่ระหว่างจัดตั้ง กำไรก่อนหักภาษีระหว่างปี 2016 (ก่อนรายการยกเว้นพิเศษ) ลดต่ำลงถึงร้อยละ 60 โดยอยู่ที่ 7,330 ล้านรูปี กำไรสุทธิของปีอยู่ที่ 6,070 ล้านรูปี ลดลงร้อยละ 34 เมื่อเปรียบเทียบกับปีงบประมาณ 2015

ผลประกอบการกิจการเดี่ยวแยกกิจการ

ธุรกิจอะลูมิเนียม

ระหว่างปีงบประมาณ 2016 เราได้เน้นให้ความสำคัญกับโครงการที่อยู่ระหว่างการจัดตั้งเพื่อให้มีสมรรถภาพตามที่ออกแบบและคาดหวังไว้ ซึ่งเราสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้สำเร็จภายในปีนั้น โดยโรงงานต่างๆ อยู่ระหว่างการดำเนินการตามที่คาดการณ์ไว้

ในไตรมาส การผลิตออกไซด์ของอะลูมิเนียม (รวมโรงงาน Utkal) อยู่ที่ 703 KT (กิโลตัน) ซึ่งสูงขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ 2015 การผลิตเหล็กอะลูมิเนียมอยู่ที่ 307 KT สูงขึ้นร้อยละ 27 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลการผลิตที่เพิ่มขึ้น ประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ประกอบกับการคงเสถียรภาพในการดำเนินการส่วนใหญ่ และด้วยแรงสนับสนุนจากต้นทุนการผลิตที่ลดลง ทำให้ EBIT สูงขึ้นโดยอยู่ที่ 5,170 ล้านรูปี ซึ่งสูงขึ้นร้อยละ 69 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ในปีนี้ การผลิตออกไซด์ของอะลูมิเนียม (รวมโรงงาน Utkal) ผลิตได้ที่ 2.7 ล้านตัน ซึ่งสูงขึ้นร้อยละ 19 จากปีงบประมาณ 2015 การผลิตอะลูมิเนียมของปีนี้สูงสุดเท่าที่เคยมีการบันทึก โดยสูงกว่า 1 ล้านตันเป็นครั้งแรก โดยผลิตได้ถึง 1.13 ล้านตัน สูงขึ้นถึงร้อยละ 36 หรือเกือบ 300 KT มากกว่าการผลิตเมื่อปีก่อนหน้า ถึงแม้ปริมาณการผลิตจะสูงขึ้นก็ตาม EBIT ในส่วนอะลูมิเนียมก็ยังลดลงจากค่าเสื่อมราคาที่สูงขึ้นจากการลงทุนในโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างการจัดตั้งต่างๆ ผลประกอบการเดี่ยว ไม่รวมผลประกอบการของของ Utkal

ธุรกิจทองแดง

ภาคส่วนธุรกิจทองแดงยังดำเนินการอย่างวางใจได้ ถึงแม้จะมีผลผลิตที่ลดลงก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การผลิตแคโทดในไตรมาส 4 ปีงบระมาณ 2016 อยู่ที่ 93 KT ลดลงร้อยละ 7 ขณะที่การผลิตปุ๋ยเคมี (DAP) ลดลงในอัตราส่วนร้อยละ 36 เป็น 69 KT การลดลงของการผลิตแคโทดทองแดง สืบเนื่องมาจากปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการจำเพาะของโรงหลอมแห่งหนึ่ง ซึ่งปัญหานี้ได้รับการพิจารณาแล้ว โดยมีแผนจะทำการปิดโรงงานเพื่อการซ่อมบำรุง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน EBIT ในส่วนทองแดงมีกำไรขั้นต้นลดลง 3,770 ล้านรูปี

อย่างไรก็ตาม ตลอดระหว่างปีการผลิตทองแดงยังคงที่ที่ 388 KT โดยมีการผลิตปุ๋ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 ความมุ่งมั่นในการเพิ่มมูลค่าของเรา ทำให้เกิดการผลิตก้านหลอด (CC) เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยการผลิต CC เพิ่มสูงขึ้นในอัตราร้อยละ 5 ถึงแม้ว่าจะมีการคิดค้นเพื่อการเพิ่มมูลค่าสูงสุดแล้ว EBIT ก็ยังลดลงร้อยละ 6 เมื่อเปรียบเทียบกับปีงบประมาณ 2015 ซึ่งทั้งนี้มีปัจจัยหลักจากการยกเลิกการใช้ผลตอบแทนแบบจูงใจในการส่งออกในระหว่างปีก รวมทั้งอยู่ในสภาวะการณ์การตลาดที่ท้าทาย

ผลประกอบการรวมกิจการ

รายได้และกำไรแบบรวมกิจการ ก่อนหักค่าเสื่อมราคา ดอกเบี้ย และภาษี ลดลงร้อยละ 4 และร้อยละ 1 ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิลดลงเหลือ 2,630 ล้านรูปี ทั้งนี้สืบเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจระดับมหภาค ดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นและค่าเสื่อมราคา

Novelis Inc. (เป็นเจ้าของสาขาย่อยทั้งหมด)

รายได้ลดลงร้อยละ 11 มาอยู่ที่ 9.9 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในปีงบประมาณ 2016 เนื่องจากมีการจัดส่งมากกว่าคาดการณ์ โดยราคาอะลูมิเนียมโดยเฉลี่ยลดลงร้อยละ 16 และค่าบริการตามราคาท้องตลาดลดลงร้อยละ 58 ปีงบประมาณ 2016 บริษัทฯ บันทึกยอดขาดทุนสุทธิที่ 38 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ หากไม่รวมภาษีเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์รายการพิเศษ รายได้สุทธิอยู่ที่ 131 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ โดยรวมตลอดทั้งปี

ราคาค่าบริการในท้องตลาดได้ดิ่งลงอย่างรวดเร็วตั้งแต่ช่วงต้นปีงบประมาณ 2016 ส่งผลให้ราคาโลหะตลอดทั้งปีอยู่ที่ 172 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นเหตุให้ EBITDA ปรับลงร้อยละ 12 เป็น 791 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในปีงบประมาณ 2016 หากไม่รวมผลจากการอ่อนตัวลงของราคาโลหะในทั้งสองปี EBITDA จะปรับเป็น 963 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในปี 2016 สูงขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเปรียบเทียบกับ 896 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในปีงบประมาณ 2015

บริษัทฯ มีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า โดยทำเงินได้ 160 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในปี 2016 หลังมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนจำนวน 370 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ณ 31 มีนาคม 2016 บริษัทฯ ได้รายงานสภาพคล่องที่แข็งแกร่งที่ 1.2 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

UAIL (เป็นเจ้าของสาขาย่อยทั้งหมด)

โรงงานผลิตออกไซด์ของอะลูมิเนียมที่ UAIL ผลิตออกไซด์ของอะลูมิเนียมได้ 1.4 ล้านตันในปีงบประมาณ 2016 ซึ่งในปี 2015 ผลิตได้ 1 ล้านตัน ทั้งนี้ ออกไซด์ของอะลูมิเนียม 130 KT ได้รับการส่งออกจำหน่าย ส่วนที่เหลือได้นำมาใช้ที่โรงหลอม Hindalco ค่าใช้จ่ายในการผลิตออกไซด์ของอะลูมิเนียมที่ UAIL สามารถเปรียบเทียบได้กับเกณฑ์การผลิตในระดับสากล

UAIL รายงาน EBITDA ที่ 7,140 ล้านรูปี ยอดขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 930 ล้านรูปีหลังรวมค่าธรรมเนียมจากดอกเบี้ย 5,180 ล้านรูปี และค่าเสื่อมราคาที่ 2,890 ล้านรูปีแล้ว

Aditya Birla Minerals Limited (ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 51)

ในเดือนตุลาคม 2015 ABML ได้ขาย Mount Gordon Assets ให้กับ Lighthouse Mineral Holdings เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในเดือนเมษายน 2016 บริษัทฯ ได้แสดงความสนใจในกิจการ RBI โดยมีการแก้ไขข้อเสนอ Metals X ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ASX โดย ABML จะเข้าถือครองกิจการ ข้อเสนอประกอบด้วยหุ้น Metals X จำนวน 1 หุ้นต่อทุก 4.5 หุ้น ABML และ 0.08 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น ABML ซึ่งมีพรีเมี่ยมอยู่ที่ร้อยละ 32 ของราคาหุ้นที่ทำการซื้อขาย ณ วันที่มีการเสนอ

เงินปันผล

คณะกรรมการบริหารบริษัทฯ ได้เสนอเงินปันผล 1 Re ต่อหุ้น ซึ่งรวมมูลค่าเท่ากับ 2,490 ล้านรูปี (รวมภาษีการจัดสรรเงินปันผล 420 ล้านรูปีแล้ว) สำหรับปีสิ้นสุด ณ 31 มีนาคม 2016

บริษัทฯ แสดงการดำเนินการที่ดี ถึงแม้จะอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยในระดับมหภาคก็ตาม ผลการดำเนินงานยังได้รับการสนับสนุนจากการลดลงของราคาพลังงานด้วย ในสภาวะเศรษฐกิจระดับมหภาคที่ถดถอย มักมีความท้าทายจากความไม่แน่นอนสูง ขณะเดียวกัน บริษัทฯ จะยังคงมุ่งมั่นต่อการดำเนินงานที่ดีเลิศ การเพิ่มมูลค่า และรักษากระแสเงินสดเพื่อให้เกิดสภาพคล่องตามสภาวะการณ์เหล่านี้

เนื้อหาใน "ข่าวประชาสัมพันธ์" นี้ที่กล่าวถึง วัตถุประสงค์ การวางแผน การประมานการ ความคาดหวังหรือคาดการณ์ ของบริษัท ซึ่งอาจเป็น “แถลงการณ์คาดการณ์” ที่อยู่ภายใต้กฎหมายและข้อบังคับว่าด้วยหลักทรัพย์ ผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างไปจากที่นำเสนอหรือที่กล่าวโดยนัย ปัจจัยสำคัญที่อาจสร้างความแตกต่างให้กับผลการดำเนินงานของบริษัท ได้แก่ สภาพอุปสงค์และอุปทานในอินเดียและตลาดโลก ราคาสินค้าสำเร็จรูป ความคล่องตัวของการจัดเก็บสินค้าและราคา วงจรความต้องการของตลาดและราคาตามตลาดหลักของบริษัท การเปลี่ยนแปลงกฎข้อบังคับของภาครัฐ การจัดเก็บภาษี การพัฒนาด้านเศรษฐกิจในอินเดียและในประเทศต่างๆ ที่บริษัทเข้าไปดำเนินธุรกิจ และปัจจัยอื่นๆ อาทิ การดำเนินคดีความและข้อตกลงด้านแรงงาน บริษัทไม่รับผิดชอบต่อการแก้ไขหรือปรับปรุงแถลงการณ์คาดการณ์ล่วงหน้า อันเกิดจากการพัฒนา ข้อมูลหรือเหตุการณ์ หรือสาเหตุอื่นที่เกิดขึ้นในภายหลังแต่อย่างใด