บริษัท ฮินดาลโค (Hindalco) ประกาศผลงบการเงินเฉพาะธุรกิจเดี่ยวไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2015-2016 (โดยยังไม่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชี)

คลิกที่นี่เพื่อดูผลลัพธ์

คลิกที่นี่เพื่อดูงานนำเสนอ

• ภาคธุรกิจอะลูมิเนียมมีการเติบโตในปริมาณสูง – อัตราการผลิตสูงสุดเป็นประวัติกาล
• เมื่อเปรียบเทียบระหว่างช่วงเดียวกันของปีนี้กับปีก่อนหน้า
  • การผลิตอะลูมิเนียมหลักเพิ่มขึ้นร้อยละ 35 การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของการผลิตมูลค่าเพิ่ม
  • ทองแดงยังคงมีผลประกอบคงที่ถึงแม้ว่ารายได้จากทองแดงได้ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญถึงร้อยละ 27 จากการซื้อขายใน LME (London Metal Exchange)

เป็นไตรมาสที่ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสวนทางกับเศรษฐศาสตร์มหภาคที่ถดถอย ยอดรวมอันแข็งแกร่งแห่งช่วงเวลาอันท้าทายส่งผลให้บริษัทก้าวมาอยู่แถวหน้าในกลุ่มอุตสาหกรรม

ไฮไลท์ทางการเงิน

บริษัท ฮินดาลโค (Hindalco), หนึ่งในบริษัทชั้นนำในกลุ่มบริษัทอดิตยา เบอร์ลา (Aditya Birla Group) ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส (ซึ่งยังไม่ผ่านการตรวจสอบ) สิ้นสุด ณ 31 ธันวาคม 2015 วันนี้ รายได้จากไตรมาสลดลงในอัตราร้อยละ 5 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุมาจากการลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญของปริมาณการใช้อะลูมิเนียมและทองแดง อย่างไรก็ตาม ปริมาณอะลูมิเนียมที่เพิ่มขึ้นอย่างมากและความมุ่งมั่นในการเพิ่มคุณภาพได้เข้ามาชดเชยต่อปริมาณการใช้ที่ลดลงไปนี้

ผลการดำเนินการของไตรมาสได้รับผลกระทบอย่างมากจากราคาซื้อขายใน London Metal Exchange และราคาอะลูมิเนียมในภูมิภาคที่ลดลงอย่างแรง ซึ่งเป็นปัจจัยระดับเศรษฐศาสตร์มหภาคที่บริษัทไม่อาจควบคุมได้ และจากปัจจัยดังกล่าว กอปรกับปริมาณการใช้ที่ลดลง จึงทำให้ส่วนต่างราคาอะลูมิเนียมเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ต่างกันถึง USD 700 ต่อตัน อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินการยังแข็งแกร่งเนื่องจากการหลอมด้วยวิธีทันสมัย ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการผลิตที่ลดลงได้ลดแรงกดดันจากปริมาณการใช้ที่ลดลงนี้ โรงหลอม Mahan ได้ดำเนินการผลิตอย่างเต็มกำลัง ส่วนโรงหลอม Aditya ก็จะผลิตอย่างเต็มกำลังด้วยเช่นกัน

จากยุทธศาสตร์ระยะยาวของบริษัทเกี่ยวกับการผสมผสานถ่านหินนั้น 4 บล็อกแรกชนะการประมูลแล้ว Gare Palma IV/4 ได้เริ่มการผลิตถ่านหินโดยมีกำหนดไปจนถึงสิ้นสุดไตรมาส กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (PBITDA) อยู่ที่ 9,220 ล้านรูปี ซึ่งแสดงถึงผลการดำเนินงานที่มั่นคงถึงแม้ว่าเศรษฐกิจระดับมหภาคจะถดถอยก็ตาม

ค่าเสื่อมราคาและต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น ทำให้โครงการที่อยู่ระหว่างจัดตั้งมีเงินลงทุนเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น 2,270 ล้านรูปีเมื่อเปรียบเทียบกับ 6,630 ล้านรูปีในไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2015 ผลที่ได้ก็คือ กำไรก่อนหักภาษีในไตรมาสอยู่ที่ 310 ล้านรูปี และกำไรสุทธิสิ้นสุดไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2016 เท่ากับ 400 ล้านรูปี

เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2 ปีงบประมาณ 2016 แล้ว รายได้จากการดำเนินการลดลงร้อยละ 9 โดยมีสาเหตุหลักจากราคาซื้อขายใน LME ถึงแม้รายได้จากอะลูมิเนียมจะเพิ่มขึ้นจากปริมาณที่เพิ่มขึ้นก็ตาม ตามรายงานกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (PBITDA) ลดลงที่ 980 ล้านรูปี ขณะที่กำไรสุทธิลดลงที่ 630 ล้านรูปี จำนวนดอกเบี้ยลดลงตามอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง

ผลประกอบการทางธุรกิจ

ในระหว่างไตรมาส ปริมาณการผลิตออกไซด์ของอะลูมิเนียม (รวมจากโรงกลั่น Utkal) อยู่ที่ 705 KT (กิโลตัน) สูงขึ้นร้อยละ 19 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2015 โดยสายพานระยะไกลที่ Utkal ยังคงใช้การได้ดี ผลประกอบการด้านการเงินที่กล่าวถึงไม่ได้รวมถึงผลประกอบการใน Utkal ด้วย การผลิตโลหะอะลูมิเนียมอยู่ที่ 296 KT สูงขึ้นร้อยละ 35 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีนี้กับปีก่อน ถึงแม้ว่าปริมาณจะสูงขึ้น รายได้ก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) ของภาคธุรกิจอะลูมิเนียมยังลดลงเนื่องจากปริมาณการใช้ที่ลดลงและค่าเสื่อมราคาที่สูงขึ้น ภาคธุรกิจทองแดงยังคงมีผลการดำเนินการที่วางใจได้ด้วยมีแรงหนุนจากค่าการกลั่น (TcRc) เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การผลิตแคโทดยังคงระดับเดิมที่ 94 KT ขณะที่การผลิตปุ๋ยเคมี (DAP) เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 9 เป็น 89 KT เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้ก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) ของภาคธุรกิจทองแดงลดลง เนื่องจากราคาซื้อขายทองแดงใน LME ที่ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ

ถึงจะมีปัจจัยจากเศรษฐศาสตร์มหภาคที่สวนกระแสอย่างต่อเนื่องที่บริษัทต้องเผชิญในระยะนี้ก็ตาม บริษัทจะยังคงมุ่งเน้นการทำงานที่เป็นเลิศ การเพิ่มมูลค่า และการถือครองเงินสด ต่อไป

เนื้อหาใน "ข่าวประชาสัมพันธ์" นี้ที่กล่าวถึง วัตถุประสงค์ การวางแผน การประมานการ ความคาดหวังหรือคาดการณ์ ของบริษัท อาจเป็น “แถลงการณ์คาดการณ์” ที่อยู่ภายใต้กฎหมายและข้อบังคับว่าด้วยหลักทรัพย์ ผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างไปจากที่นำเสนอหรือที่กล่าวโดยนัย ปัจจัยสำคัญที่อาจสร้างความแตกต่างให้กับผลการดำเนินงานของบริษัท ได้แก่ สภาพอุปสงค์และอุปทานในอินเดียและตลาดโลก ราคาสินค้าสำเร็จรูป ความคล่องตัวของการจัดเก็บสินค้าและราคา วงจรความต้องการของตลาดและราคาตามตลาดหลักของบริษัท การเปลี่ยนแปลงกฎข้อบังคับของภาครัฐ การจัดเก็บภาษี การพัฒนาด้านเศรษฐกิจในอินเดียและในประเทศต่างๆ ที่บริษัทเข้าไปดำเนินธุรกิจ และปัจจัยอื่นๆ อาทิ การดำเนินคดีความและข้อตกลงด้านแรงงาน บริษัทไม่รับผิดชอบต่อการแก้ไขหรือปรับปรุงแถลงการณ์คาดการณ์ล่วงหน้า อันเกิดจากการพัฒนา ข้อมูลหรือเหตุการณ์ หรือสาเหตุอื่นที่เกิดขึ้นในภายหลังแต่อย่างใด