12 กุมภาพันธ์, 2564
Shareเฉพาะกิจการ | รวมกิจการ | |||||
---|---|---|---|---|---|---|
ไตรมาส 3 ปีงบฯ 2021 | ไตรมาส 3 ปีงบฯ 2020 | เปลี่ยนแปลง % Change (Y-o-Y) |
ไตรมาส 3 ปีงบฯ 2021 | ไตรมาส 3 ปีงบฯ 2020 | เปลี่ยนแปลง % Change (Y-o-Y) |
|
3,672 | 3,858 | -5% | รายได้ | 20,986 | 18,617 | 13% |
709 | 465 | 53% | EBITDA | 4,476 | 2,945 | 52% |
359 | 185 | 95% | กำไรหลังภาษี (PAT) | 1,384 | 680 | 103% |
ไม่รามรายได้และ EBITDA ของการดำเนินงานที่ไม่ต่อเนื่องในส่วนธุรกิจปุ๋ย (Indo Gulf Fertilisers-IGF) ที่เป็นผลมาจากการอนุมัติของคณะกรรมการบริหารสำหรับการเลิกกิจการ
รายได้แบบรวมกิจการสำหรับไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2021 อยู่ที่ 209,860 ล้านรูปี ซึ่งสูงขึ้น 13% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 17% จากไตรมาสก่อน ส่วน EBITDA อยู่ที่ 44,760 ล้านรูปี พุ่งขึ้นถึง 52% จากปีก่อนและสูงขึ้น 24% จากปีก่อน ส่วน PAT แบบรวมกิจการในไตรมาส 3 ปีงบฯ 2021 ทะยานสูงขึ้นถึง 103% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 43% จากไตรมาสก่อน โดยอยู่ที่ 13,840 ล้านรูปี
ผลประกอบการสำหรับกิจการเดียวมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างโดดเด่น โดยรายได้อยู่ที่ 36,720 ล้านรูปี ส่วน EBITDA อยู่ที่ 7,090 ล้านรูปี เทียบกับ 38,580 ล้านรูปี และ 4,650 ล้านรูปีตามลำดับในไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2020 PAT ปรับปรุงดีขึ้นเกือบเท่าตัว โดยอยู่ที่ 3,590 ล้านรูปีในไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2021 เทียบกับ 1,850 ล้านรูปีในไตรมาสที่ 3 ปีงบฯ 2020
รายได้และ EBITDA จากการดำเนินงานที่ไม่ต่อเนื่อง (ธุรกิจปุ๋ย) สำหรับไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2021 อยู่ที่ 5,970 ล้านรูปี และ 570 ล้านรูปี (ไตรมาสที่ 3 ปีงบฯ 2020: 6,380 ล้านรูปีและ 300 ล้านรูปี) ตามลำดับ ที่ไม่รวมอยู่ในผลประกอบการทางการเงินที่แสดงข้างต้น
การมองในระยะยาวของภาครัฐถึงการกระตุ้นกิจกรรมต่าง ๆ ให้ทันท่วงทีในช่วงควันหลงของ COVID-19 ทำให้มีการสนับสนุนในหลายภาคส่วน ซึ่งส่งผลให้เกิดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง การฟื้นตัวของความต้องการถูกเร่งความเร็วขึ้นด้วยความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้น ที่ได้รับแรงหนุนจากการเปิดตัวโปรแกรมการฉีดวัคซีนทั่วโลก
ความต้องการ VSF ในอินเดียและในตลาดต่างประเทศฟื้นตัวขึ้นจากการดิ่งลงอย่างหนักจากการหดตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2021 ความต้องการ VSF ในอินเดียฟื้นตัวกลับมาที่ระดับก่อนเกิด COVID-19 ซึ่งส่งผลให้มีการเติบโตของรายได้ที่ 28% ซึ่งผลที่ได้ตามมาก็คือ ส่วนแบ่งยอดขายภายในประเทศในสัดส่วนการขายเติบโตขึ้นจาก 82% ในไตรมาสที่ 2 ปีงบประมาณ 2021 เป็น 91% ในไตรมาสที่ 3 ปีงบฯ 2021 ส่วนแบ่งของผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มในสัดส่วนการขายโดยรวมปรับปรุงดีขึ้นเป็น 22% ในไตรมาสที่ 3 ปีงบฯ 2021 จาก 15% ในไตรมาสที่ 2 ปีงบประมาณ 2021
ผลการดำเนินงานของธุรกิจวิสคอสมีการปรับปรุงดีขึ้นอย่างมั่นคงตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปีงบประมาณ 2021 เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของความต้องการที่แข็งแกร่ง ซึ่งนำโดยการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองและฤดูกาลแห่งงานวิวาห์ การใช้ประโยชน์จากความสามารถในการผลิตสำหรับธุรกิจ VSF แตะระดับ 100% ตลอดไตรมาสที่ 3 ปีงบฯ 2021 ส่วนการใช้ประโยชน์จากความสามารถในการผลิตสำหรับธุรกิจ VFY ก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกันที่ 76% ในไตรมาสที่ 3 ปีงบฯ 2021 จากเพียงแค่ 12% ในไตรมาสที่ 1 ปีงบประมาณ 2021
ราคา VSF ในจีนฟื้นกลับขึ่นมาจากระดับต่ำสุดเป็นประวัติกาล อันมีสาเหตุมาจากการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของความต้องการภายในประเทศและการเปลี่ยนแปลงรูปแบบเส้นใยในธุรกิจระหว่างประเทศที่เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งทำให้ช่องวางของราคาผ้าฝ้ายและ VSF กว้างขึ้น ซึ่งทั้งนี้ ทำให้เกิดการลดลงอย่างมากในสินค้าคงคลัง VSF ในประเทศจีน แม้ว่าอัตราการดำเนินงานจะสูงขึ้นก็ตาม
รายได้สุทธิสำหรับธุรกิจเส้นใย (รวมถึง VFY) อยู่ที่ 21,450 ล้านรูปี ส่วน EBITDA อยู่ที่ 4,820 ล้านรูปี มีการปรับปรุงดีขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ อันเนื่องมาจากปริมาณการขายที่สูงขึ้น การผสานผสานผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น ต้นทุนที่ต่ำลง แม้ว่าความสามารถในการทำกำไรเมื่อเทียบกับปีก่อนจะลดลงก็ตาม เช่นเดียวกับสินค้าอุปโภคบริโภคอื่น ๆ ราคาเส้นใยมีการแข็งตัวขึ้น และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มสูงขึ้นต่อไป
ธุรกิจโซดาไฟภายในประเทศพบกับความต้องการที่ทะยานสูงขึ้นในระหว่างไตรมาส ซึ่งนำโดยปริมาณการใช้สิ่งทอ สินค้าในส่วนอะลูมินาและกระดาษที่สูงขึ้น โดยบันทักระดับการใช้ประโยชน์จากความสามารถในการผลิตที่ 89% ในไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2021 ซึ่งปรับปรุงดีขึ้น 9% อย่างต่อเนื่อง ส่วนราคาโซดาไฟ (CFR) ในภูมิภาคเอเชีย ฟื้นตัวจากระดับต่ำที่ $239/MT ไปแตะที่ระดับ $270/MT จนถึงปลายไตรมาส โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราการดำเนินการที่ต่ำลงเนื่องจากการที่ไม่มีไฟฟ้าใช้โดยไม่ได้คาดหมาย การเกิดรายได้จาก ECU ยังคงซบเซาอย่างต่อเนื่องถึงแม้มีปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น
ความต้องการในส่วนธุรกิจวัสดุขั้นสูง (อีพ็อกซี่) ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งนำโดยความต้องการในส่วนยานยนต์และสินค้าคงทน การใช้ความสามารถในการผลิตของธุรกิจมีการปรับปรุงดีขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญอย่างต่อเนื่อง
รายได้สุทธิสำหรับไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2021 อยู่ที่ 12,810 ล้านรูปี ส่วน EBITDA อยู่ที่ 1,770 ล้านรูปี ซึ่งใกล้เคียงกับระดับก่อนโควิด
คณะกรรมการบริหารของ Grasim ให้การอนุมัติการก้าวเข้าสู่ส่วนธุรกิจสีอุตสาหกรรมแล้ว โดยคณะกรรมการบริหารยังให้การอนุมัติค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่ 50,000 ล้านรูปีเพื่อการดำเนินงานในสามปีต่อไป
การก้าวเข้าสู่ส่วนธุรกิจสีอุตสาหกรรมของ Grasim จะเป็นการนำเสนอทางเลือกที่กว้างขวางให้กับผู้บริโภคชาวอินเดีย เนื่องจากทางบริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์สีรูปแบบใหม่ล่าสุดที่สอดคล้องไปกับแนวโน้มในระดับโลก การก้าวเข้าสู่ส่วนธุรกิจที่มีการเติบโตสูงของบริษัทจะช่วยให้ช่างทาสี/ผู้ใช้งานการประยุกต์ และคู่ค้าช่องทางรายใหม่ต่าง ๆ ทั่วประเทศอินเดียสามารถขยายขอบเขตให้กับธุรกิจที่มีอยู่เดิมของตนและสร้างการเติบโตได้ นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ยังเป็นการผลักดันวิสัยทัศน์ของภาครัฐสำหรับนโยบายพึ่งพาตนเอง 'Atmanirbhar Bharat' และส่งเสริมสายงานซัพพลายเออร์ของ MSME โดยช่วยให้พวกเขาสามารถขยายความสามารถในการผลิตวัตถุดิบของตนได้
บริษัทเชื่อมั่นว่าส่วนธุรกิจนี้จะสามารถเพิ่มพูนมูลค่าให้กับผู้ที่มีส่วนร่วมทั้งหลายได้
การใช้จ่ายสำหรับรายจ่ายฝ่ายทุนในการขยายความสามารถในการผลิต VSF และเคมีภัณฑ์ฟื้นตัวกลับมาหลังจากการล็อคดาวน์ และมีความคืบหน้าไปตามแผนที่มีการปรับแก้ ควบคู่ไปกับรายจ่ายในการปรับปรุงโรงงานหลายแห่งให้มีความทันสมัย การใช้จ่ายโดยรวมในส่วนรายจ่ายฝ่ายทุนในรอบ 9 เดือนของปีงบประมาณ 2021 อยู่ที่ 7,990 ล้านรูปี
ธุรกิจเส้นใยและไฟเบอร์ได้รับการประกาศชื่อเป็นผู้ชนะรางวัลนกยูงทองคำสำหรับความยั่งยืนทั่วโลก (Golden Peacock Global Award for Sustainability) สำหรับปี 2020
บริษัทได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 11 ในดัชนีความยั่งยืน S&P Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) จากบัญชีรายชื่อของบริษัทที่เข้าร่วมในส่วนนี้ในปี 2020 จากทั่วโลก ซึ่งปรับปรุงดีขึ้น 6 ตำแหน่ง
Grasim เผยถึงรายงานฉบับบูรณาการครั้งแรกในเดือนธันวาคม 2020 โดยวัตถุประสงค์ของการจัดทำรายงานฉบับบูรณาการก็คือเพื่อให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องของเรารับทราบว่าเงินทุนทั้ง 6 ก้อนนี้มีความเป็นมาอย่างไรเพื่อสร้างมูลค่าที่มากขึ้นให้กับ Grasim
ในรายงาน WBCSD ฉบับล่าสุด Grasim Industries มาพร้อมกับอันดับท็อปในหมู่รายชื่อบริษัทที่มีการสรรหาพลังงานทดแทนผ่านทางข้อตกลงการซื้อขายพลังงานแสงอาทิตย์ (PPA) ขององค์กรในอินเดีย
รายได้แบบรวมกิจการของ UltraTech อยู่ที่ 122,540 ล้านรูปี, EBITDA อยู่ที่ 33,620 ล้านรูปี ส่วน PAT อยู่ที่ 15,840 ล้านรูปี สำหรับไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2021 ปริมาณการขายโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 23.88 MTPA
UltraTech รายงานกำไรขั้นต้นจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งที่ 26% ผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่งของบริษัทนั้นได้รับแรงหนุนโดยประสิทธิภาพในการดำเนินงานแลกการควบคุมค่าใช้จ่ายที่เข้มงวด
หนี้สินสุทธิลดลงไปที่ 94,360 ล้านรูปี ซึ่งลดลง 74,240 ล้านรูปีในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งได้รับแรงขับเคลื่อนโดยการจัดการด้านการลงทุนในการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพและปัจจัยอื่น ๆ EBITDA หนี้สิน/LTM สุทธิที่ระดับรวมกิจการอยู่ที่ 0.84x (ธ.ค.-20)
คณะกรรมการบริหารของ UltraTech ให้การอนุมัติเงินทุนจำนวน 54,770 ล้านรูปีสำหรับการขยายกำลังการผลิตให้เป็น 12.8 MTPA ผ่านทางการขยายโรงงานแห่งใหม่และในโรงงานที่ดำเนินการอยู่เดิม ซึ่งเป็นการเพิ่มเติมจากกำลังการผลิต 6.7 MTPA ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ เมื่อทำการขยายกำลังการผลิตเป็นที่แล้วเสร็จทั้งสองรอบ กำลังการผลิตก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 136.25 MTPA
รายได้แบบรวมกิจการของบริษัทสำหรับไตรมาสนี้เติบโตขึ้น 17% จากปีก่อนเป็น 50,260 ล้านรูปี ด้วยผ่านทางบริษัทในเครือ ABCL จึงสามารถแสดงผลประกอบการที่อย่างมั่นคงต่อเนื่องด้วยโมเดลธุรกิจที่มีความหลากหลาย กำไรหลังภาษีแบบรวมกิจการสำหรับไตรมาส (หลังดอกเบี้ยส่วนน้อย) เติบโตขึ้นที่ 16% จากปีก่อนเป็น 2,890 ล้านรูปี ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติกาลสำหรับกำไรรายไตรมาสแบบรวมกิจการที่รายงานโดยบริษัท พร้อมมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งทั่วทุกส่วนธุรกิจ
NBFC และบัญชีเงินกู้สินเชื่อเพื่อการเคหะอยู่ที่ 575,220 ล้านรูปีในไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2021 การเบิกจ่ายขั้นต้นโดยรวมในธุรกิจกู้ยืมอยู่ที่ 50,970 ล้านรูปี ซึ่งสูงกว่าระดับก่อนวิกฤติโควิด โดยมีการเติบโตที่ 18% จากปีก่อนโดยมีการมุ่งเน้นไปที่รายย่อยและส่วนธุรกิจ SME
กำไรขั้นต้นรายได้สุทธิ (รวมรายได้จากค่าธรรมเนียม) สำหรับส่วนธุรกิจ NBFC สูงขึ้น 18 bps จากปีก่อนเป็น 5.24% ในไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2021
AAUM ภายในประเทศโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็น 2,554,580 ล้านรูปี (ไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2021) จาก 2,499,260 ล้านรูปี (ไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2020) PBT/ AAUM เพิ่มขึ้นจาก 27bps (ไตรมาส 2 ปีงบประมาณ 2021) เป็น 30 bps ในไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2021
ในส่วนธุรกิจการประกันชีวิต เบี้ยประกันรับปีแรก (FYP) สำหรับรอบ 9 เดือนของปีงบประมาณ 2021 เติบโตขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีก่อนเป็น 13,360 ล้านรูปี มีการลดลงอย่างเป็นที่พอใจสำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (Opex) ต่อสัดส่วนเบี้ยประกันเป็น 14% ในรอบ 9 เดือนของปีงบประมาณ 2021 จาก 17.6% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ในส่วนของธุรกิจประกันสุขภาพ เบี้ยประกันภัยรับรวมในรอบ 9 เดือนของปีงบประมาณ 2021 เพิ่มขึ้นเป็น 8,590 ล้านรูปี ซึ่งสูงขึ้นถึง 57% จากปีก่อน
Grasim Industries Limited เป็นบริษัทแถวหน้าของกลุ่มบริษัท Aditya Birla Group ที่ได้รับการจัดอันดับเป็นบริษัทที่ขึ้นทะเบียนบริษัทมหาชนอันดับท็อปของอินเดีย เมื่อก่อตั้งในปี 1947 บริษัทเริ่มประกอบกิจการโดยเป็นผู้ผลิตสิ่งทอในอินเดีย จนในปัจจุบันนี้ บริษัทค่อย ๆ พัฒนาขึ้นจนกลายเป็นผู้ประกอบการชั้นนำในหลากหลายภาคส่วนธุรกิจ โดยเป็นผู้นำระดับโลกด้านการผลิตเส้นใยเรยอน ผู้ประกอบการด้านคลอร์อัลคาไล ลินิน และฉนวนรายใหญ่ที่สุดในอินเดีย และด้วยผ่านทางบริษัทในเครือคือ UltraTech Cement และ Aditya Birla Capital บริษัทยังมีสถานะเป็นผู้ผลิตซีเมนต์รายใหญ่ที่สุดในอินเดีย และเป็นผู้ประกอบการชั้นนำด้านการบริการทางการเงินที่มีความหลากหลาย โดยที่ Grasim นี้ มีความพยายามเพื่อสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนเพื่อมอบให้กับพนักงานกว่า 24,000 คน ให้กับผู้ถือหุ้นกว่า 230,000 คน และให้กับสังคมและลูกค้า บริษัทรายงานรายได้สุทธิแบบรวมกิจการที่กว่า 10.9 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ ส่วน EBITDA ที่กว่า 1.9 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐในปีงบประมาณ 2020
GRASIM INDUSTRIES LIMITED
Aditya Birla Centre, 'A’ Wing, 2nd Floor, S. K. Ahire Marg, Worli, Mumbai – 400 030
สำนักงานจดทะเบียน: Birlagram, Nagda - 456 331 (M.P.)
โทร: (07366) 246760-66, แฟกซ์: (07366) 244114, 246024, CIN: L17124MP1947PLC000410
www.grasim.com และ www.adityabirla.com
twitter: www.twitter.com/adityabirlagrp ; Twitter handle: @GrasimInd / @AdityaBirlaGrp
แถลงการณ์เตือน
แถลงการณ์ใน “ข่าวประชาสัมพันธ์” ฉบับนี้ อธิบายถึงวัตถุประสงค์ การคาดการณ์ การประมาณการ ความคาดหมายหรือคาดคะเนของบริษัท โดยอาจจัดว่าเป็น “แถลงการณ์คาดการณ์” ที่อยู่ภายใต้กฎหมายและข้อบังคับว่าด้วยหลักทรัพย์ ผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างไปจากที่นำเสนอหรือที่กล่าวโดยนัย ปัจจัยสำคัญที่อาจสร้างความแตกต่างให้กับผลการดำเนินงานของบริษัท ได้แก่ สภาพอุปสงค์และอุปทานในอินเดียและตลาดโลก ราคาสินค้าสำเร็จรูป ความคล่องตัวของการจัดเก็บสินค้าและราคา วงจรความต้องการของตลาดและราคาตามตลาดหลักของบริษัท การเปลี่ยนแปลงกฎข้อบังคับของภาครัฐ การจัดเก็บภาษี การพัฒนาด้านเศรษฐกิจในอินเดียและในประเทศต่าง ๆ ที่บริษัทเข้าไปดำเนินธุรกิจ และปัจจัยอื่น ๆ อาทิ การดำเนินคดีความและข้อตกลงด้านแรงงาน บริษัทไม่รับผิดชอบต่อการแก้ไขหรือปรับปรุงแถลงการณ์คาดการณ์ล่วงหน้า อันเกิดจากการพัฒนา ข้อมูลหรือเหตุการณ์ หรือสาเหตุอื่นที่เกิดขึ้นในภายหลังแต่อย่างใด