Grasim Industries Limited ประกาศผลประกอบการทางการเงินที่ผ่านการตรวจสอบแล้วสำหรับไตรมาสและรายปี สิ้นสุด 31 มีนาคม 2020

13 มิถุนายน, 2563

ผลประกอบการทางการเงินแบบรวมกิจการ

สิบล้านรูปี
ไตรมาส 4 ปีงบฯ 2019 ไตรมาส 4 ปีงบฯ 2020   ปีงบฯ 2020 ปีงบฯ 2019
22,431 19,902 รายได้สุทธิ 77,625 77,200
3,999 3,243 EBITDA 13,846 13,404
1,144 1,506 กำไรหลังภาษี (PAT) 4,425 1,693

รายได้แบบรวมกิจการและ EBITDA สำหรับปีงบฯ 2020 อยู่ที่ 776,250 ล้านรูปีและ 138,460 ล้านรูปีตามลำดับ PAT แบบรวมกิจการอยู่ที่ 44,250 ล้านรูปี บันทึกการเติบโตถึงร้อยละ 161 เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) สืบเนื่องจากการย้อนกลับของภาษีเงินได้รอตัดบัญชีและค่าใช้จ่ายพิเศษที่ลดลงในปีปัจจุบัน

รายได้แบบรวมกิจการและ EBITDA สำหรับไตรมาสที่ 4 ปีงบฯ 2020 อยู่ที่ 199,020 ล้านรูปีและ 32,430 ล้านรูปีตามลำดับ PAT แบบรวมกิจการสำหรับไตรมาสที่ 4 ปีงบฯ 2020 อยู่ที่ 15,060 ล้านรูปี ซึ่งบันทึกการเติบโตที่ร้อยละ 32 เมื่อเทียบกับปีก่อน

สำหรับแบบไม่รวมกิจการ รายได้และ EBITDA สำหรับปีงบฯ 2020 ลดลงเนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วไป และการเริ่มล็อคดาวน์ในพื้นที่เศรษฐกิจหลักสำคัญทั่วโลกในช่วงเดือนมีนาคม 2020

ถึงแม้ประสบภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ บริษัทยังสร้างกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานได้ที่ 35,190 ล้านรูปีสำหรับเฉพาะกิจการเดียวในปีงบประมาณ 2020 (ก่อนรายจ่ายฝ่ายทุนที่ 28,000 ล้านรูปี) เนื่องจากประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการจัดการเงินทุนหมุนเวียนในระหว่างปี สำหรับเฉพาะกิจการเดียว บริษัทยังคงรักษาสถานะความคล่องตัวทางการเงินด้วยการลงทุนที่มีสภาพคล่องที่ 20,930 ล้านรูปี ณ 31 มีนาคม 2020

ธุรกิจเส้นใยสังเคราะห์

ตลอดทั้งปี ธุรกิจเส้นใยสังเคราะห์ทำยอดขายได้สูงสุดเป็นประวัติกาลด้วยปริมาณ VSF ที่ 554 KT ซึ่งบันทึกการเติบโตที่ร้อยละ 2.4 ถึงแม้ประสบการลดลงที่ร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับปีก่อนในเดือนมีนาคม 2020 อันเนื่องมาจากการล็อคดาวน์ทั่วประเทศก็ตาม การผลิตและปริมาณการขายของธุรกิจ VSF คงรักษาระดับไว้ที่ 131KT และ 136KT ตามลำดับในระหว่างไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ 2020 ถึงแม้ต้องผ่านการล็อคดาวน์ก็ตาม

รายได้สุทธิของส่วนธุรกิจเส้นใยสังเคราะห์ (รวมถึง VFY) อยู่ที่ 21,020 ล้านรูปี ส่วน EBITDA สำหรับไตรมาสอยู่ที่ 2,610 ล้านรูปี

ยอดขาย VSF ได้รับผลกระทบในช่วง 10 วันสุดท้ายของไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ 2020 อันเนื่องมาจากการล็อคดาวน์ ราคา VSF สีเทาภายในประเทศอ่อนตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4 ปี 2020 ตามราคาในตลาดโลก หากแต่ผลประกอบการโดยรวมปรับปรุงดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอันเนื่องมาจากการจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น การขายผลิตภัณฑ์พิเศษจำเพาะที่สูงขึ้น และราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำลง

แบรนด์ Liva ของเราสำหรับผลิตภัณฑ์ VSF ยังคงเติบโตในตลาดภายในประเทศ โดยมีการร่วมมือกับแบรนด์ค้าปลีกกว่า 40 แบรนด์ ซึ่งในขณะนี้สามารถหาซื้อได้จากเอาท์เล็ตกว่า 3,600 แห่ง

ในระหว่างปี บริษัทประสบความสำเร็จในการเปิดดำเนินงานโรงงานเส้นใยเซลลูโลสประดิษฐ์ (Lyocell Fiber) รุ่นที่ 3 ที่มีกำลังการผลิต 45 TPD และบรรลุเป้าหมายการใช้กำลังการผลิตเต็มพิกัดแล้ว โดยบริษัททำการตลาดไฟเบอร์พิเศษจำเพาะนี้ภายใต้ชื่อแบรนด์ - ไฟเบอร์ ‘Excel’

ธุรกิจเคมีภัณฑ์

ตลอดทั้งปี ธุรกิจเคมีภัณฑ์บันทึกปริมาณการขายโซดาไฟได้ที่ 991KT การผลิตโซดาไฟและปริมาณการขายสำหรับไตรมาสที่ 4 ปีงบฯ 2020 อยู่ที่ 250KT และ 252KT ตามลำดับ ประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการขายได้รับผลกระทบจาก COVID-19 อันเนื่องมาจากการล็อคดาวน์และราคาในตลาดโลก

รายได้สุทธิสำหรับไตรมาสที่ 4 ปีงบฯ 2020 อยู่ที่ 12,900 ล้านรูปี ส่วน EBITDA อยู่ที่ 1,040 ล้านรูปี ราคาโซดาไฟทั่วโลกยังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในระหว่างไตรมาส ความสามารถในการทำกำไรภายในประเทศได้รับผลกระทบจากความต้องการในอุตสาหกรรมที่อ่อนตัวลง การนำเข้าที่ทะยานเพิ่มขึ้นและการเกิดขึ้นของกำลังการผลิตใหม่ ๆ

การที่ผู้ใช้ปลายทางมีความต้องการที่ลดน้อยลงส่งผลต่อยอดขายคลอรีนและผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้มูลค่าเพิ่มต่าง ๆ ด้วยเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ ส่วนของ EBITDA จากผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้จากคลอรีนและอีพ็อกซีเรซินจึงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 33 เป็นร้อยละ 40 ในส่วนของธุรกิจเคมีภัณฑ์

ความยั่งยืน

ความยั่งยืนถือเป็นการผจญภัยที่ต้องรับความท้าทายในวันนี้เพื่ออนาคตที่สดใสกว่าในวันพรุ่งนี้ ธุรกิจ VSF, เคมีภัณฑ์, ปุ๋ยและฉนวนให้คำมั่นอย่างแข็งขันถึงการริเริ่มด้านความยั่งยืนโดยมีเป้าหมายและจุดหมายอันยิ่งใหญ่ตามที่ปรากฏในรายงานด้านความยั่งยืนของ Grasim(https://www.grasim.com/Upload/PDF/grasim-sustainability-report-2018-19.pdf)

ธุรกิจเคมีภัณฑ์มีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ลงที่ร้อยละ 70 ในโรงงาน VSF ทุกแห่งให้ได้ในปีงบประมาณ 2022 บริษัทยังตั้งใจที่จะลดความเข้มข้นของน้ำลงที่ร้อยละ 50 ในการดำเนินการผลิตให้ได้ภายในปีงบประมาณ 2025 (ปีเส้นฐานคือปีงบประมาณ 2015) และตัด LTIFR ให้ต่ำกว่าร้อยละ 90 (ปีเส้นฐานคือปีงบประมาณ 2015) ภายในปีงบประมาณ 2025

ธุรกิจ VSF, เคมีภัณฑ์, ปุ๋ยและฉนวนยังมีเป้าหมายที่ต้องไขว่คว้า ซึ่งรวมถึงการลด LTIFR ให้ต่ำกว่าร้อยละ 80 ภายในปีงบฯ 2025 (จากปีเส้นฐานปีงบประมาณ 2017) ลดการบริโภคน้ำจืดที่ร้อยละ 30 ภายในปีงบฯ 2025 (ปีเส้นฐานคือปีงบประมาณ 2017) และลดการปล่อย GHG ของผลิตภัณฑ์หลักลงที่ร้อยละ 30 ภายในปี 2030 (ปีเส้นฐานคือปีงบประมาณ 2017)

แผนรายจ่ายฝ่ายทุน CAPEX

บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการตามแผนรายจ่ายฝ่ายทุนโดยรวมที่ประมาณ 78,000 ล้านรูปี (ระดับกิจการเดียว) เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้กับทั้งธุรกิจ VSF และเคมีภัณฑ์ นอกเหนือจากรายจ่ายฝ่ายทุนเพื่อสร้างความทันสมัยให้กับโรงงานต่าง ๆ หลายแห่ง ขณะนี้แผนรายจ่ายฝ่ายทุนได้รับการทบทวนตามสภาพทางเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบัน

เงินปันผล

คณะกรรมการบริหารของ Grasim เสนอเงินปันผลที่ 4 รูปีต่อหุ้น ซึ่งเท่ากับยอดไหลออกโดยรวมอันเนื่องมาจากเงินปันผลที่ 2,630 ล้านรูปี ตามข้อกำหนดในกฎหมายด้านการเงินปี 2020 เงินปันผลจะถูกหักจากผู้ถือหุ้นตามอัตราภาษีที่เกี่ยวข้อง และบริษัทจะหักภาษี ณ ที่จ่ายที่ต้นทางของการชำระเงินตามความเหมาะสม

กิจการเครือซีเมนต์ - UltraTech Cement Ltd

ผลประกอบการทางการเงินของ UltraTech ในปีงบประมาณ 2020: รายได้แบบรวมกิจการอยู่ที่ 421,250 ล้านรูปี ส่วน EBITDA อยู่ที่ 99,300 ล้านรูปี ซึ่งสูงขึ้นร้อยละ 27 จากปีก่อน และ PAT ที่ปรับมาตรฐานแล้วอยู่ที่ 37,030 ล้านรูปี ซึ่งเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 54 ปริมาณการขายแบบรวมกิจการอยู่ที่ประมาณ 82.33 MTPA

สำหรับไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ 2020 รายได้แบบรวมกิจการอยู่ที่ 107,460 ล้านรูปี ส่วน EBITDA อยู่ที่ 26,390 ล้านรูปี และ PAT ที่ปรับเป็นมาตรฐานอยู่ที่ 11,310 ล้านรูปีในไตรมาส 4 ปีงบฯ 2020 ยอดขายแบบรวมกิจการอยู่ที่ประมาณ 21.44 MTPA

โรงงานที่เข้าซื้อกิจการมาจาก Century เพิ่มการผลิตจนแตะระดับการใช้กำลังการผลิตที่ร้อยละ 80 ในเดือนมีนาคม 2020 การผสานรวมแบรนด์เป็นไปตามคาดหมาย โดยยอดขายร้อยละ 65 จากโรงงาน Century ที่เข้าซื้อกิจการมาในระหว่างไตรมาสอยู่ภายใต้แบรนด์ UltraTech โดยคาดว่าจะแตะที่ร้อยละ 80 ภายในไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2021 กำไรขั้นต้นจากการดำเนินงานมีการปรับปรุงดีขึ้นอย่างชัดเจน

เฟส 1 ของโรงงาน Bara Grinding ที่มีกำลังการผลิต 2 MTPA เริ่มดำเนินงานแล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกำลังการผลิตจำนวน 21.2 MTPA ที่เข้าซื้อกิจการในเดือนมิถุนายนปี 2017

หนี้สินสุทธิแบบรวมกิจการของ UltraTech สำหรับปีงบประมาณ 2020 ลดลงจากปีก่อนจำนวน 52,510 ล้านรูปีเป็น
168,600 ล้านรูปี หนี้สินสุทธิ/EBITDA ของส่วนการดำเนินงานในอินเดียอยู่ที่ 1.55x (มีนาคม 2020)

UltraTech เสนอเงินปันผลที่ร้อยละ 130 ที่อัตรา 13 รูปีต่อหุ้น ซึ่งรวมเป็น 3,752.10 ล้านรูปี

เครือธุรกิจบริการทางการเงิน – Aditya Birla Capital Limited (ABCL)

รายได้และกำไรสุทธิหลังดอกเบี้ยส่วนน้อยสำหรับปีงบประมาณ 2020 อยู่ที่ 167,920 ล้านรูปี และ 9,200 ล้านรูปี สำหรับไตรมาสที่ 4 บริษัทรายงานรายได้ที่ 48,450 ล้านรูปี ส่วนกำไรสุทธิหลังดอกเบี้ยส่วนน้อยอยู่ที่ 1,440 ล้านรูปี

ธุรกิจ NBFC และ HFC ยังคงมีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างการเติบโตให้กับภาคส่วนที่เลือก การมุ่งเน้นอย่างจริงจังของเราไปยังคุณภาพบัญชีพร้อมกับลดขนาดเงินค้ำประกันทั่วทุกภาคส่วน

ในธุรกิจการประกันชีวิต (ปีงบประมาณ 2020) เบี้ยประกันสุทธิเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 7 เป็น 80,100 ล้านรูปี และการต่อเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 21 เป็น 43,530 ล้านรูปี ส่วนในเดือนที่ 13 มีการปรับตัวดีขึ้นที่ร้อยละ 83

ส่วนธุรกิจประกันสุขภาพ เบี้ยประกันภัยรับรวมเพิ่มขึ้นเป็น 8,720 ล้านรูปี (ปีงบฯ 2020) ซึ่งสูงขึ้นที่ร้อยละ 76 จากปีก่อน โดยมีการผสมผสานรายย่อยที่ร้อยละ 72 เทียบกับร้อยละ 65 ในปีก่อน

ผลกระทบจาก COVID-19

สืบเนื่องจากการล็อคดาวน์ทั่วประเทศ การดำเนินงานทั้งหมดของบริษัทจึงถูกระงับลงชั่วคราวยกเว้นโรงงานปุ๋ยใน Jagdishpur (U.P) โดยได้กลับมาดำเนินงานแล้วเป็นบางส่วนในทุกภาคธุรกิจ ปัจจุบันโรงงานของเราดำเนินงานอยู่ที่ราวร้อยละ 25 ถึงกว่าร้อยละ 100 ของกำลังการผลิต บริษัทได้นำมาตรการและ SOP มาใช้อย่างครบวงจรในทุกโรงงานเพื่อให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัยจากการติดเชื้อ COVID-19 หลังจากกลับมาดำเนินงานอีกครั้ง

เหนือกว่าธุรกิจ:

เพื่อให้การช่วยเหลือต่อผู้ด้อยโอกาสในสังคมและเพื่อช่วยชาติต่อกรกับการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส บริษัทซึ่งมีหน่วยงานการผลิตอยู่ใน 9 รัฐของอินเดียและมีหน่วยการผลิต 22 แห่งจึงได้ใช้หลากหลายวิธีการในการต่อสู้กับ Covid-19 ที่โรงงานและชุมชนที่อยู่รายรอบ

Grasim ได้บริจาคหน้ากากอนามัยกว่า 2,00,000 ชิ้นและชุด PPE กว่า 75,000 ชุดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ โดยผ่านทางตัวแทนด้านสุขอนามัยที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลกลาง เรายังได้แจกจ่ายหน้ากากอนามัยเพิ่มเติมให้กับชาวบ้าน 1,06,000 คนที่อยู่ในบริเวณหน่วยงานของเรา

อีก Grasim ยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มของกลุ่มบริษัท Aditya Birla Group ในการนำเตียงทางทางการแพทย์มาใช้และในด้านระบบพื้นฐานอื่น ๆ ที่โรงพยาบาล Seven Hills ในเมืองมุมไบโดยร่วมมือกับ BMC นอกจากนี้ โรงพยาบาล Aditya Birla ที่ Nagda, Ujjain, Jagdishpur, Kharach และ Ganjam ยังจัดทำหอผู้ป่วยแยกต่างหากสำหรับผู้เข้ารับการรักษา COVID-19 ด้วย โดยหอคัดแยกผู้ป่วยนี้มีพร้อมด้วยเครื่องช่วยหายใจ สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อการคัดกรองผู้ป่วยและทำการทดสอบการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ ซึ่งให้ประโยชน์แก่ผู้คนถึง 88,000 คนแล้วจนถึงขณะนี้

การได้รับเกียรติ

ในระหว่างปีงบประมาณ 2020 นี้ Grasim ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติหลายรายการทั้งในระดับประเทศและระดับสากลในด้านผลการดำเนินงานทางธุรกิจ ด้าน HR และความยั่งยืน ซึ่งบางส่วนของรางวัลเหล่านี้ ได้แก่:

  • #70 สำหรับนายจ้างดีเด่นของโลกปี 2019 ขึ้นทำเนียบเอเชีย 200 บริษัทที่มีรายได้มากกว่าพันล้านเหรียญสหรัฐปี 2019 ที่จัดโดย Forbes
  • #38 บริษัทที่เป็นที่ยกย่องที่สุดของอินเดีย และ #14 สำหรับความเป็นมิตรต่อสตรีเพศและรายการแผนการเติบโตจากการสำรวจของ BusinessWorld และ TechSci
  • รางวัล Dun & Bradstreet Corporate ประจำปี 2019 สำหรับบริษัทอันดับท็อปในส่วนธุรกิจสิ่งทอของอินเดีย
  • “รางวัลชนะเลิศ - ประเภทผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม ส่วนอุตสาหกรรมการผลิต” โดย Frost & Sullivan
  • รางวัลด้านความยั่งยืนประจำปี 2019 จาก CII-ITC: ความเป็นเลิศด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม
  • รางวัลนกยูงทองคำ (Golden Peacock Award) สำหรับ CSR ในกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องแต่งกาย

แนวโน้ม

ในระยะเวลาอันใกล้ ความต้องการในผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 อันสืบเนื่องมาจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ บริษัทได้ริเริ่มมาตรการหลายด้านเพื่อลดค่าใช้จ่ายประจำและสงวนเงินสดไว้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจโดยรวม

ด้วยสถานะการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท การดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ (ซีเมนต์, บริการด้านการเงิน, เส้นใยสังเคราะห์และเคมีภัณฑ์) บริษัทจึงอยู่ในสถานะที่สามารถรับมือกับการชะงักงันชั่วคราวได้และยังสามารถคงความเป็นผู้นำในภาคธุริกจนี้ได้ต่อไป

แถลงการณ์เตือน

แถลงการณ์ใน “ข่าวประชาสัมพันธ์” นี้ อธิบายถึงวัตถุประสงค์ การคาดการณ์ การประมาณการ ความคาดหมายหรือคาดคะเนของบริษัท โดยอาจจัดว่าเป็น “แถลงการณ์คาดการณ์” ที่อยู่ภายใต้กฎหมายและข้อบังคับว่าด้วยหลักทรัพย์ ผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างไปจากที่นำเสนอหรือที่กล่าวโดยนัย ปัจจัยสำคัญที่อาจสร้างความแตกต่างให้กับผลการดำเนินงานของบริษัท ได้แก่ สภาพอุปสงค์และอุปทานในอินเดียและตลาดโลก ราคาสินค้าสำเร็จรูป ความคล่องตัวของการจัดเก็บสินค้าและราคา วงจรความต้องการของตลาดและราคาตามตลาดหลักของบริษัท การเปลี่ยนแปลงกฎข้อบังคับของภาครัฐ การจัดเก็บภาษี การพัฒนาด้านเศรษฐกิจในอินเดียและในประเทศต่างๆ ที่บริษัทเข้าไปดำเนินธุรกิจ และปัจจัยอื่นๆ อาทิ การดำเนินคดีความและข้อตกลงด้านแรงงาน บริษัทไม่รับผิดชอบต่อการแก้ไขหรือปรับปรุงแถลงการณ์คาดการณ์ล่วงหน้า อันเกิดจากการพัฒนา ข้อมูลหรือเหตุการณ์ หรือสาเหตุอื่นที่เกิดขึ้นในภายหลังแต่อย่างใด